ททท.ปิ๊งไอเดีย จ่อถก แบงก์ชาติ ดึงชาวญี่ปุ่นถือเงินดิจิทัล มาเที่ยวไทย

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า หลังจากเกิดการระบาดโควิด-19 ต้องยอมรับว่า ภาคการท่องเที่ยวจากนี้ต่อไปจะไม่เหมือนเดิม จึงจะเน้นกระตุ้นและผลักดันการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น ภายใต้การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นด้วยความสร้างสรรค์และเน้นคุณภาพ โดยได้หารือกับสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) เพื่อเตรียมดึงนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ถือสินทรัพย์ดิจิตอล (คริปโตเคอร์เรนซี”) เข้าเที่ยวเมืองไทย เพื่อรองรับการเติบโตของคริปโตเคอร์เรนชี่ในอนาคต ซึ่งต้องยอมรับว่ากลุ่มที่ถือคริปโตเคอร์เรนซี เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่และมีกำลังซื้อสูง ที่หากเดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น จะต้องเพิ่มอัตราการใช้จ่ายต่อหัวต่อทริปมากขึ้น จึงถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายเงินสูง แต่ต้องระวังไม่ให้มีการใช้ช่องทางการท่องเที่ยว ที่ไทยเตรียมเปิดรองรับการใช้คริปโตเคอร์เรนซี เป็นช่องทางให้กับบริษัท หรือกลุ่มคนที่ทำธุรกรรมในการฟอกเงิน เข้ามาทำการฟอกขาว

“หากสามารถดำเนินการได้ ไทยจะเป็นประเทศแรก ในเอเชียที่สามารถใช้คริปโตเคอร์เรนซีเที่ยวและใช้ในเมืองไทยได้ โดยเป้าหมายแรกที่ททท.จะดึงเข้ามาเที่ยวเมืองไทย ผ่านการใช้คริปโตเคอร์เรนซีเป็นตัวดึงดูดคือ ญี่ปุ่น เพราะประชากรญี่ปุ่นถือคริปโตเคอร์เรนซีอันดับ 1 ของโลก มีอัตราส่วนของคนที่ถือคริปโตเคอร์เรนซีต่อประชากรในอัตรา 11% ของประชากร เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกมีอัตราเพียงว 7% ของประชากร” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ ล้มแล้วลุกไว ของสภาพัฒน์ ททท.จึงมุ่งเน้นจับปลาใหญ่ ดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพ ทำให้กลุ่มที่ถือคริปโตเคอร์เรนซี จึงเป็นเป้าหมายที่ ททท.จะเร่งศึกษาความเป็นไปได้ และ หารือกับผู้ประกอบการ โรงแรม ร้านอาหาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อร่วมหารือความเป็นไปได้ว่า หากกลุ่มที่ถือคริปโตเคอร์เรนซี เดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทย จะมีกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวใดบ้างที่จะร่วมธุรกิจ รับคริปโตเคอร์เรนซีที่อัตราการเติบโตมีสูง โดยการใช้คริปโตเคอร์เรนซีในญี่ปุ่น ขณะนี้ได้รับความนิยม กลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มแอลจีบีที ร้านอาหาร โรงแรม จำนวนมาก เข้าร่วมใช้จ่ายโดยใช้คริปโตเคอร์เรนซี ซื้อสินค้า และหลายร้านที่เข้าร่วมมีกำไรจำนวนมาก หากไทยสามารถเปิดรับคริปโตเคอร์เรนซี ถือว่าเป็นประเทศแรกๆ ในเอเชีย สะท้อนได้จากคนที่มีชื่อเสียง อย่าง อีลอน มัสก์ อาจมองมาที่เมืองไทย อาจอยากเข้ามาเที่ยว หลังการระบาดของโควิด มีความชัดเจน ว่า ไทยสามารถควบคุมได้

นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า จากการหารือกับนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เกี่ยวกับแนวโน้มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ททท.ได้ตัดสินใจปรับเป้าจำนวนและรายได้จากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2564 มาอยู่ที่ 8 ล้านคน สร้างรายได้การท่องเที่ยว 4.28 แสนล้านบาท ลดลงจากก่อนหน้านี้ ซึ่งเคยตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ไว้ที่ 10 ล้านคน สร้างรายได้การท่องเที่ยว 5 แสนล้านบาท แต่เพื่อคงเป้ารายได้รวมการท่องเที่ยวจากทั้งตลาดในและต่างประเทศปีนี้ที่ 1.2 ล้านล้านบาท ททท.จึงได้ปรับเพิ่มเป้าจำนวนและรายได้ตลาดนักท่องเที่ยวในประเทศเป็น 150 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้การท่องเที่ยว 8.16 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเป้าเดิมซึ่งเคยตั้งไว้ที่ 120 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้การท่องเที่ยว 7 แสนล้านบาท

Advertisement

ขณะที่เป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยวจากทั้งตลาดในและต่างประเทศปี 2565 ยังคงเป้าเดิมที่ 2.5 ล้านล้านบาท คิดเป็นการฟื้นตัว 80% ของรายได้รวมเมื่อปี 2562 โดยแบ่งเป็นตลาดต่างประเทศ มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเยือนไทย 20.8 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 1.3 ล้านล้านบาท ส่วนตลาดในประเทศ ตั้งเป้ามีจำนวนนักท่องเที่ยวไทย 180 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image