“อนุทิน” วอนคอเหล้าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน-เหล้าเข้าปากหน้ากากอย่าหลุด ชี้ต่อพรก.ฉุกเฉินไม่ได้หวังผลทางการเมือง
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ชุดใหญ่ ว่า การผ่อนคลายร้านอาหารและสถานบันเทิงนั้น ยังไม่เกี่ยวกับสถานอาบอบนวด รอการประชุมครั้งหน้า คือต้องรอดูว่า จะมีวัคซีนฉีดได้แล้วประชาชนมีความมั่นใจเกิดขึ้นก็ค่อยๆ ผ่อนคลาย ตอนนี้ผ่อนคลายเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร เพราะเราต้องมั่นใจในประชาชนของเรา ซึ่งต้องขอประชาชนให้ความร่วมมือ เหมือนที่ผ่านมาต้องอยู่กันอย่างมีระยะห่างสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา แต่ตอนนี้เมื่อแอลกอฮอล์เข้าปากหน้ากากอนามัยก็จะหลุดก็จะเป็นปัญหา ดังนั้นต้องพยายามไม่ให้เกิดเหตุเช่นนั้น ขอให้อดเปรี้ยวไว้กินหวาน ซึ่งคงอีกไม่นาน เพราะถ้ามีวัคซีนความร่วมมือของทุกคนดีขึ้นก็จะกลับคืนสู่สภาวะปกตินิวนอร์มอลได้เร็ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุผลความจำเป็นของกานต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือน ในเมื่อมีการผ่อนคลายไปมากแล้ว นายอนุทินกล่าวว่า ก็มีหลายเหตุผลและขอย้ำว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ได้มาลิดรอนสิทธิเสรีภาพของใคร แต่ออกมาเพื่อป้องกันโควิด-19 โดยเฉพาะไม่เกี่ยวข้องเรื่องการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น เป็นเรื่องของความคล่องตัวในการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่บูรณาการงาน ความร่วมมือระหว่างส่วนราชการด้วยกันให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้นเพราะถ้าไม่มี พ.ร.ก. เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขต้องดำเนินมาตรการใดแล้วกว่าจะขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครองก็ไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราก็จะได้แต่มานั่งเสียใจกัน แต่เมื่อมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทุกอย่างอยู่ภายใต้เจ้าพนักงานทุกคนจึงสามารถดำเนินงานภายใต้กฎหมายได้
เมื่อถามว่า ข้อกำหนดที่ระบุบเรื่องห้ามการชุมนุมนั้น ถูกตีความโยงไปกับการเมือง นายอนุทินกล่าวว่า เมื่อยังมีการระบาดโควิด-19 ก็ยังไม่อยากให้มีการชุมนุมแบบมีการร่วมตัวกันจำนวนมาก เพราะโควิด-19 ติดได้ง่ายในผู้คนที่รวมตัวใกล้ชิด เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับชีวิตเราเอง ครอบครัว และยังทวีคูณมากขึ้นไป หากเป็นเช่นนี้เท่าไหร่ก็เอาไม่อยู่ จึงต้องขอความร่วมมือจากประชาชน และถึงแม้ว่าจะมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ป้องกันการชุมนุมได้หรือไม่ ก็มีให้เห็นอยู่ ถ้าเขาจะชุมนุมกันจริงๆ เราจะทำอะไรได้ แต่เชื่อว่า ทุกคนมีจิตสำนึกมีความห่วงใยเพื่อนร่วมชาติ ช่วงนี้ก็พยายามหลีกเลี่ยงก่อน
