กลุ่มดุสิตธานีลุ้นครึ่งหลังปี 64 ท่องเที่ยวฟื้น Q4/63 ส่งสัญญาณดีขึ้น เดินหน้ากลยุทธ์กระจายความเสี่ยง สร้างสมดุลธุรกิจ

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการบริษัทฯ ปี 2563 ขาดทุน 1,011 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามที่ฝ่ายบริหารคาดกาณ์ไว้แล้ว เนื่องจากธุรกิจท่องเที่ยวและบริการได้รับผลกระทบโดยตรงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งระลอกแรกในช่วงปี 2563 และระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปีเดียวกัน ทำให้การเดินทางหยุดชะงักและจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง อย่างไรก็ตาม ด้วยการประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบของดุสิตธานี ผนวกกับกลยุทธ์หลักของบริษัทฯ ที่เน้นการกระจายความเสี่ยงให้กับธุรกิจ ด้วยการกระจายการลงทุนที่หลากหลาย ทำให้สามารถลดผลกระทบที่เกิดขึ้นได้อย่างค่อนข้างมีประสิทธิภาพ

“ธุรกิจโรงแรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โรงแรมต้องหยุดให้บริการในช่วงไตรมาสสองจากการแพร่ระบาดในระลอกแรก จนเมื่อการเดินทางผ่อนคลายได้บ้างในช่วงกลางปีที่แล้ว จึงเริ่มเห็นสัญญาณการค่อยๆ ฟื้นตัวของรายได้ในไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปี 2563 โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับไตรมาสต่อไตรมาสเพิ่มขึ้น 60.3% แม้จะได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกสองในปลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ เรายังเห็นความคืบหน้าในการแจกจ่ายวัคซีนทั่วโลกและในหลายประเทศ ซึ่งให้ความสำคัญกับบุคลากรที่อยู่ในธุรกิจท่องเที่ยวเป็นลำดับแรกๆ โดยทีมงานของดุสิตฯ ในประเทศต่างๆ ก็ได้รับการฉีดวัคซีนกันเป็นส่วนมากแล้ว ทำให้เริ่มมั่นใจว่าจะเห็นการท่องเที่ยวค่อยๆ ฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งที่ผ่านมา ดุสิตธานีไม่ได้หยุดนิ่ง แต่ปรับโมเดลเดินหน้าสร้างรายได้ผ่าน non-room business และเตรียมการรองรับกับการกลับมาของการท่องเที่ยว โดยปรับรูปแบบการท่องเที่ยวให้น่าสนใจมากขึ้น อย่างกรณีของโรงแรมดุสิตธานี หัวหิน ที่เราพัฒนาเป็นแหล่งกิจกรรมท่องเที่ยวในแนววิถีธรรมชาติ มีแปลงนาที่ปลูกข้าวและเก็บเกี่ยวแล้ว ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นจุดขายที่มีความโดดเด่นในอนาคต และเราจะใช้โมเดลนี้ในโรงแรมต่างๆ ของกลุ่มดุสิตธานีด้วย” นางศุภจีกล่าว

สำหรับธุรกิจอื่นๆ ของกลุ่มดุสิตธานี นางศุภจีกล่าวว่า ยังคงมีแนวโน้มที่ดี โดยธุรกิจการศึกษา ในส่วนของวิทยาลัยดุสิตธานีสามารถรับนักศึกษาได้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 17% โดยทางวิทยาลัยมีหลักสูตรที่ตอบรับกับความต้องการของผู้ที่ต้องการเรียนเพื่อหารายได้เสริมและไปประกอบวิชาชีพเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจการศึกษาให้เติบโตต่อเนื่องด้วยการเปิดโครงการ Food School เพื่อเพิ่มทางเลือกสำหรับตลาดบน เช่นเดียวกับธุรกิจอาหารที่ยังมีแผนเติบโตต่อเนื่องจากปี 2563 ซึ่งปัจจุบันรายได้จากธุรกิจอาหารยังเป็นไปตามเป้าหมาย โดยรายได้หลักยังคงมาจาก Epicure Catering ซึ่งให้บริการจัดหาอาหาร (Catering) ให้แก่โรงเรียนนานาชาติ ซึ่งปีที่ผ่านมาได้ขยายการลงทุนไปยังเวียดนาม และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปี 2564 ในขณะที่ธุรกิจอาหารภายใต้แบรนด์ “คาวาอิ” ในปีที่ผ่านมา ได้เพิ่มจุด grab & go ที่เวอร์จิน ฟิตเนส คลับ อีก 3 แห่ง ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ ห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทียร์ และตึกเอ็มไพร์ ส่วนปีนี้จะเปิด flagship store เพิ่มในเดือนพฤษภาคม

ด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มดุสิตธานีจะเริ่มเปิดการขายโครงการที่พักอาศัย “ดุสิต เรสซิเดนเซส” ในโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ให้กับลูกค้าในช่วงไตรมาสสองของปีนี้ หลังจากที่มียอดขายจาก Private sales ในปีที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ

Advertisement

“ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพในกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงด้วยการกระจายการลงทุนในธุรกิจที่มีความหลากหลายของกลุ่มดุสิตธานี ทำให้เราสามารถสร้างสมดุลให้กับธุรกิจได้ แม้ว่ารายได้หลักจะมาจากธุรกิจโรงแรมที่ได้รับผลกระทบ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ภาพรวมของกลุ่มดุสิตธานีต้องหยุดชะงัก และหลังจากนี้ เชื่อว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ภายใต้ฐานรากที่แน่นหนา เพราะบทเรียนตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ทำให้เรียนรู้ที่จะปรับตัว และเมื่อโลกปลดล็อคจากโควิด-19 เชื่อว่าฐานรากที่วางไว้จะสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน” นางศุภจีกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image