พณ.เผยโควิดกดยอดใช้สิทธิพิเศษด้านภาษี ลุ้นสหรัฐต่อโครงการจีเอสพีก่อนกลางปี

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) และภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ปี 2563 มีมูลค่า 62,338.86 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 10.46% ซึ่งเป็นไปตามการส่งออกในภาพรวมที่ปรับตัวลดลง เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และมีสัดส่วนการใช้สิทธิ 76.06% ของสินค้าที่ได้สิทธิประโยชน์ทั้งหมด แบ่งเป็นการใช้สิทธิภายใต้ FTA มูลค่า 58,077.18 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 11.41% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ 76.53% และการใช้สิทธิภายใต้ GSP มูลค่า 4,261.68 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.03% มีสัดส่วนการใช้สิทธิ 70.12%

นายกีรติ กล่าวต่อว่า ตลาดที่ไทยส่งออกโดยมีการใช้สิทธิ FTA สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.อาเซียน มูลค่า 19,337 ล้านเหรียญสหรัฐ 2.จีน มูลค่า 18,955.57 ล้านเหรียญสหรัฐ 3.ออสเตรเลีย มูลค่า 6,987.07 ล้านเหรียญสหรัฐ 4.ญี่ปุ่น มูลค่า 6,495.44 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 5.อินเดีย มูลค่า 3,306.88 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนตลาดที่มีการใช้สิทธิ GSP สูงสุด ได้แก่ สหรัฐฯ มูลค่า 3,825.94 ล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมา คือ สวิตเซอร์แลนด์ มูลค่า 270.80 ล้านเหรียญสหรัฐ รัสเซียและเครือรัฐเอกราช มูลค่า 133.92 ล้านเหรียญสหรัฐ และนอร์เวย์ มูลค่า 31.02 ล้านเหรียญสหรัฐ

นายกีรติ กล่าวอีกว่า สำหรับปี 2563 สินค้าที่มีการใช้สิทธิ FTA สูงสุด ได้แก่ ทุเรียนสด รองลงมา คือ ผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ ฝรั่ง มะม่วง มังคุด รถบรรทุกขนส่งขนาดไม่เกิน 5 ตัน ยานยนต์สำหรับขนส่งบุคคลตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป มันสำปะหลัง เครื่องดื่มประเภทอื่นๆ ที่ไม่เติมแก๊ส และสินค้าที่ใช้ GSP สูงสุด ได้แก่ ถุงมือยาง รองลงมา คือ อาหารปรุงแต่ง ส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ กรดซิทริก เลนส์แว่นตาทำด้วยวัสดุอื่นๆ

ทั้งนี้ รายละเอียดของสินค้าที่มีการใช้สิทธิ FTA กรอบต่างๆ ได้แก่ ทุเรียนสด (อาเซียน-จีน) ผลไม้อื่นๆ เช่น ลำไย เงาะ ลางสาด (อาเซียน-จีน) ผลไม้แห้ง เช่น ลำไย มะขาม (อาเซียน-จีน) ผลไม้สด (อาเซียน) เนื้อและเครื่องในไก่แช่แข็ง (อาเซียน-จีน, อาเซียน-เกาหลี) กุ้ง (อาเซียน-เกาหลี) เครื่องดื่มที่ไม่เติมแก๊สประเภทนมหรือนมถั่วเหลือง (อาเซียน) อาหารปรุงแต่ง (อาเซียน, ไทย-ชิลี) น้ำผลไม้ (อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) เต้าหู้ปรุงแต่ง (อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) ซอสปรุงแต่ง (อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) ปลาทูน่า ปลาสคิปแจ็ก และปลาโบนิโตชนิดซาร์ดากระป๋อง (อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ , ไทย-ชิลี) ปลาทูน่าปรุงแต่ง (อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) อาหารปรุงแต่งที่ทำจาก-ธัญพืช (อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) สับปะรดปรุงแต่ง (ไทย-ชิลี) และยังมีสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วน ที่ขยายตัวได้ดีท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 เพื่อตอบสนองการทำงานจากที่บ้าน เช่น ตู้เย็นหรือตู้แช่แข็ง (อาเซียน , ไทย-อินเดีย , อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) เครื่องซักผ้า (อาเซียน-เกาหลี, ไทย-ชิลี) เครื่องปรับอากาศ (อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) เป็นต้น

Advertisement

ส่วนสินค้าที่มีการใช้สิทธิ GSP สูง ได้แก่ อาหารปรุงแต่ง (สหรัฐฯ , สวิตเซอร์แลนด์) ซอสและของปรุงแต่งสำหรับทำซอส (สหรัฐฯ , รัฐเซียและเครือรัฐเอกราช , สวิตเซอร์แลนด์) สับปะรดกระป๋อง (รัฐเซียและเครือรัฐเอกราช, นอร์เวย์) ผลไม้และลูกนัต (รัสเซียและเครือรัฐเอกราช) น้ำสับปะรดและสับปะรดแปรรูป (สวิตเซอร์แลนด์) เนื้อปลาแบบฟิลเลสด แช่เย็น แช่แข็ง (รัฐเซียและเครือรัฐเอกราช) มะนาว (รัฐเซียและเครือรัฐเอกราช) พาสต้า (นอร์เวย์) ข้าว (นอร์เวย์, สวิตเซอร์แลนด์) ธัญพืชคั่ว อบ หรือปิ้ง (นอร์เวย์) ปลาทูน่ากระป๋อง (สวิตเซอร์แลนด์) เป็นต้น

” ก่อนมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก สัดส่วนการใช้สิทธิทางการค้าทั้งสองประเภทบางปีสูงถึง 80% แม้ว่าปี2563 อยู่ที่ 76.06% สินค้าบางรายการส่งออกได้น้อยลง แต่มีสินค้าไทยที่ประเทศคู่ค้าต้องการสูง อาทิ เครื่องดื่ม เกษตรแปรรูป เช่น ทุเรียน ลำไย เงาะ ลางสาด เนื้อและเครื่องในไก่แช่แข็ง เป็นต้น ถือเป็นสินค้าส่งออกดาวเด่นปี 2563 สะท้อนว่าไทยเป็นครัวของโลก รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วนที่ขยายตัวได้ดี ตอบสนองการ จากทำงานที่บ้าน เช่น ตู้เย็นหรือตู้แช่แข็ง เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ ” นายกีรติ กล่าว

นายกีรติ กล่าวว่า แนวโน้มการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้า ทั้ง FTA และ GSP ปี 2564 คาดว่าขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ตามการฟื้นตัวของการส่งออก หลังจากที่หลายประเทศเริ่มมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัว กำลังซื้อเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการสินค้ามากขึ้น และไทยจะส่งออกได้ดีขึ้น ขณะที่กรมฯ จะเร่งอำนวยความสะดวกพัฒนางานบริการในด้านการขอใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าผ่านทางออนไลน์ให้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ซึ่งช่วยให้มีการขอใช้สิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น คาดเกิน 70%

Advertisement

” ส่วนการต่ออายุโครงการ GSP ของสหรัฐฯ หลังจากที่หมดอายุไปตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 ขณะนี้ยังไม่มีการต่ออายุ เพราะสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยน แต่งตั้งบุคลากรที่จะเข้ามาดูแลนโยบายในเรื่องนี้ แต่ไม่มีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยที่ต้องการใช้สิทธิ GSP ส่งออกไปสหรัฐฯ โดยผู้นำเข้าต้องวางหลักประกันเอาไว้ก่อน ถ้ามีการต่ออายุก็คืนหลักประกันให้ ก็เหมือนกับโครงการที่ผ่านมา มักจะมีการต่ออายุช้าทุกครั้ง บางครั้งช้า 4-5 เดือน บางครั้งช้าเป็นปีก็มี ” นายกีรติ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image