พณ.ชี้ใกล้คลอด ตั้งกองทุนเอฟทีเอ รอสรุปแหล่งที่มาของรายได้

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลประชุมคณะทำงานพิจารณาแนวทางการพัฒนากองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ จากการเปิดเสรีทางการค้า ครั้งที่ 1/2564 ที่มีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สภาเกษตรกรแห่งชาติ และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เข้าเมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ว่า คณะกรรมการได้พิจารณาข้อเสนอเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุน ที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะทำงาน รวบรวมมาจากการลงพื้นที่และจัดระดมความเห็นทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และได้สรุปเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุน เช่น การให้ความช่วยเหลือจากกองทุน ควรแบ่งเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ 1. รูปแบบเงินจ่ายขาด เช่น ทุนวิจัยพัฒนา ทุนจัดหาที่ปรึกษา ทุนฝึกอบรม ทุนจัดกิจกรรมสนับสนุนการตลาด

และ2. รูปแบบเงินหมุนเวียน เช่น เงินลงทุนในสิ่งก่อสร้าง และค่าเครื่องมืออุปกรณ์ ขณะที่ในส่วนการดำเนินงานนั้น มีข้อเสนอว่า กองทุนควรให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคเกษตร ภาควิชาการ และธนาคารของรัฐ ในระดับพื้นที่ เป็นตัวกลางสำหรับประสานงานและเสนอคำขอรับความช่วยเหลือ ไปยังหน่วยบริหารกองทุนเอฟทีเอ

นายบุณยฤทธิ์ กล่าวว่า ประเด็นเกี่ยวกับแหล่งรายได้เข้ากองทุนนั้น กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เสนอว่า นอกจากเงินสนับสนุนจากภาครัฐแล้ว กองทุนฯ ควรจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ได้ประโยชน์จากเอฟทีเอสมทบเข้ากองทุนเพิ่มเติม เพื่อให้กองทุนสามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืน โดยในส่วนดังกล่าว คณะทำงานมีข้อเสนอว่าต้องพิจารณาถึงรูปแบบและวิธีการจัดเก็บอย่างรอบคอบ เพื่อให้มีความเหมาะสม เป็นธรรม และไม่เป็นภาระกับผู้ถูกเก็บจนเกินไป จึงได้มอบกรมเจรจาฯ ในฐานะฝ่ายเลขานุการไปหารือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ข้อสรุปก่อนเสนอรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พิจารณา

หากเห็นชอบก็จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานและกรมบัญชีกลางเป็นฝ่ายเลขานุการต่อไป และหากคณะกรรมการนโยบายฯ เห็นชอบในหลักการ ก็จะเสนอคณะรัฐมนตรีและเข้าสู่กระบวนประชาพิจารณ์ร่างกฎหมายจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอ และรัฐสภาตามกระบวนการตรากฎหมายต่อไป

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image