ซีเคพาวเวอร์  ลงทุน1.8 พันล้านขยายธุรกิจในลาว ซื้อหุ้นไซยะบุรีพาวเวอร์อีก5%

default

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด  (มหาชน) หรือ CKP  เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้เข้าซื้อหุ้นบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ในลาว จำนวน 134,305,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน  5% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วของ XPCL จากบริษัท พีที จำกัดผู้เดียว (PTS) เป็นจำนวน 1,826.55 ล้านบาท โดย CKPower จะนำเสนอมติการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว เข้าที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 เพื่อพิจารณาอนุมัติ ในวันที่ 22 เมษายนนี้ และหลังจากได้รับการอนุมัติตามเงื่อนไขต่างๆ เรียบร้อยแล้ว บริษัทจะดำเนินการลงนามซื้อขายหุ้นดังกล่าวให้แล้วเสร็จ ภายในไตรมาส 3/2564 โดยคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.035 บาท โดยจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้

ทั้งนี้ ภายหลังการซื้อหุ้นดังกล่าวแล้วเสร็จ จะทำให้ CKPower มีสัดส่วนการถือหุ้นใน XPCL เพิ่มขึ้นจาก 37.50 %เป็น  42.50% ของทุนจดทะเบียนของ XPCL ส่วนผู้ถือหุ้นอื่นประกอบด้วย บริษัท นที ซินเนอร์ยี จำกัด ถือหุ้น 25% บริษัท ผลิตไฟฟ้า-ลาว มหาชน ถือหุ้น 20% และบมจ.ผลิตไฟฟ้า ถือหุ้น 12.50% โดยมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 จำนวน 790 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ 26,861 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท

สำหรับ XPCL เป็นบริษัทที่จดทะเบียนลาว เดือนมิถุนายน 2553 และได้รับสัมปทานระยะเวลา 31 ปี เพื่อผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าแบบฝายทดน้ำ ใช้โครงสร้างในการยกระดับน้ำขึ้น  โดยไม่มีการผันน้ำออกจากแม่น้ำโขงและไม่มีการกักเก็บน้ำเหมือนเขื่อนที่มีอ่างเก็บน้ำทั่วไป มีปริมาณน้ำไหลเข้าเท่ากับปริมาณไหลออกตลอดเวลา มีกำลังการผลิตติดตั้ง 1,285 เมกกะวัตต์ สามารถผลิตไฟฟ้าได้สูงสุดเฉลี่ยปีละ 7,600 ล้านหน่วย เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์วันที่ 29 ตุลาคม 2562 โดยไฟฟ้าที่ผลิตได้จำนวน 1,220 เมกกะวัตต์ ขายให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ส่วนที่เหลืออีก 60 เมกกะวัตต์ ขายให้แก่รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว ส่วนผลประกอบการของ XPCL ในปี 2563 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการผลิตไฟฟ้าเต็มปี มีรายได้รวม 12,079.97 ล้านบาท คิดเป็นกำไร 968.29 ล้านบาท มีปริมาณการขายไฟฟ้า 6,301.4 ล้านหน่วย และมีปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ย 2,533.5 ลบ.ม.ต่อวินาที

” การเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มในครั้งนี้ เพราะ CKPower มองเห็นโอกาสในการเพิ่มรายได้และอัตราผลตอบแทนที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวทั้งในรูปของส่วนแบ่งกำไรในงบกำไรขาดทุนรวมของบริษัท และรายได้เงินปันผลในงบกำไรขาดทุนเฉพาะกิจการของบริษัท” นายธนวัฒน์ กล่าว

Advertisement

นายธนวัฒน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพของบริษัทฯ ในด้านการแข่งขันและขยายการเติบโตในธุรกิจ Renewable Energy ซึ่งถือเป็นนโยบายการลงทุนที่สำคัญ โดยในปัจจุบันนี้ CKPower ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าประเภทต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 2,167 เมกะวัตต์ จาก 3 กลุ่มธุรกิจ ที่บริษัทได้ลงทุน ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังน้ำ จำนวน 1,900 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าระบบโคเจนเนอเรชั่น 238   เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 29 เมกะวัตต์ และเป็นส่วนของกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนทั้งหมด 939 เมกะวัตต์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image