เอฟทีเอไทย–ตุรกี เร่งปิดดีลปี 65 หวังดันค้าแตะ 2 พันล้านดอลล์

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ตุรกีจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ)ไทย–ตุรกี รอบที่ 7 ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม– 2 เมษายน 2564 ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยการประชุมครั้งนี้เน้นการหารือเรื่องการเปิดตลาดการค้าสินค้า การลดและยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากร และการเจรจาจัดทำข้อบทเอฟทีเอต่อเนื่องจากรอบที่ผ่านมา เพื่อหาข้อสรุปการเจรจาภายในปี 2565

นางอรมน กล่าวว่า ไทยให้ความสำคัญกับการจัดทำเอฟทีเอไทย- ตุรกี มาโดยตลอด แม้ช่วงสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 หัวหน้าคณะเจรจาทั้งสองฝ่ายยังได้หารือผ่านระบบทางไกลเป็นระยะ เพื่อปรับแผนการเจรจาให้สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบัน คาดว่าหลังจากความตกลง มีผลบังคับใช้ จะช่วยให้มูลค่าการค้าสองฝ่ายขยายตัวถึง 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าสำคัญที่ไทยได้ประโยชน์ เช่น สิ่งทอ ยานยนต์และชิ้นส่วน เคมีภัณฑ์ พลาสติกและผลิตภัณฑ์ ยางและผลิตภัณฑ์ หม้อไอน้ำ เครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และผักและผลไม้เมืองร้อน เป็นต้น

นางอรมน กล่าวว่า ตุรกีเป็นตลาดสำคัญของไทยในตะวันออกกลาง มีประชากรกว่า 80 ล้านคน มีความใกล้ชิดกับสหภาพยุโรป(อียู)ทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจการค้า และยังมีความตกลงสหภาพศุลกากรกับอียู ซึ่งถือเป็นความตกลงที่มีความเข้มข้นทางเศรษฐกิจการค้า อีกทั้งยังตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์การค้าที่สำคัญ ซึ่งเป็นประตูสู่ 4 อนุภูมิภาค ได้แก่ ตะวันออกกลาง แอฟริกาตอนเหนือ สหภาพยุโรป และยุโรปตะวันออก

ทั้งนี้ ตุรกีเป็นคู่ค้าอันดับที่ 37 ของไทยในตลาดโลก และเป็นอันดับ 4 ในภูมิภาคตะวันออกกลาง สำหรับปี 2563 การค้าระหว่างไทย-ตุรกี มีมูลค่า 1,339 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกมูลค่า 952 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยนำเข้ามูลค่า 388 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยางพารา ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเม็ดพลาสติก ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช เสื้อผ้าสำเร็จรูป และเครื่องประดับอัญมณี

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image