ที่หอการค้าไทย นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจอนาคตทุเรียนไทยถึงโอกาสหรือความเสี่ยง เปิดเผยว่า ทุเรียนไทย 10 ปีที่ผ่านมา หรือช่วงปี 2554-63 นั้น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเนื้อที่เพาะปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้นมากกว่าทุกภาคในไทย โดยปี 2563 เนื้อที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้น 5 เท่าเทียบกับปี 2554 เนื่องจากปลูกทุเรียนแทนพืชอื่น เช่น ยางพารา มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2554-2559 ผลผลิตทุเรียนของไทยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6 พันตันต่อปี และในปี 2560-2563 ผลผลิตเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 140,000 ตันต่อปี เพิ่มขึ้นกว่า 20 เท่าจากปี 2554-2559
ขณะที่ราคาทุเรียนหมอนทองที่เกษตรกรขายได้ที่สวน เฉลี่ยทั้งประเทศ ในปี 2554-58 เพิ่มขึ้นปีละ 4.6 บาท/กก. ปี 2559-63เพิ่มขึ้นปีละ 11.0 บาท/กก. โดยคาดว่าราคาทุเรียน 5 ปีข้างหน้า หรือปี 2564-68 เฉลี่ยทั้งประเทศในปี 2568 ถึง 144 บาท/กก. ราคาทุเรียนหมอนทองที่เกษตรกรขายได้ที่สวน เฉลี่ยปี 2564-68 ประมาณ 126 บาท/กก. หากจีนนำเข้าทุเรียนไทยน้อยกว่า 10% ราคาขายส่งทุเรียนหมอนทองไทย ณ ตลาดเจียงหนาน ปี 2568 ประมาณ 177 บาท/กก. ซึ่งเฉลี่ยราคาในปี 2564-68 ประมาณ 174 บาท/กก.หากจีนนำเข้าทุเรียนไทยเพิ่ม 10-15% ราคาขายส่งทุเรียนหมอนทองไทย ณ ตลาดเจียงหนาน ปี 2568 ประมาณ 279 บาท/กก. เฉลี่ยราคาในปี 2564-2568 ประมาณ 243 บาท/กก. หากจีนนำเข้าทุเรียนไทยเพิ่มมากกว่า 15% ราคาขายส่งทุเรียนหมอนทองไทย ณ ตลาดเจียงหนาน ปี 2568 ประมาณ 379 บาท/กก. เฉลี่ยราคาในปี 2564-2568 ประมาณ 290 บาท/กก.
นายอัทธ์ กล่าวต่อว่า ทุเรียนโลก 10 ปีที่ผ่านมา โลกส่งออกทุเรียนเพิ่มขึ้น 48.3% จาก 521,028 ตัน ในปี 2554 เป็น 772,860 ตัน ในปี 2563 และ 5 ปี ข้างหน้า โลกส่งออกทุเรียนเพิ่มขึ้น 134.5% เป็น 1,812,201 ตัน ไทยครองแชมป์อันดับ 1 มาโดยตลอด ซึ่งส่งออก 1,044,672 ตัน เพิ่ม 57.65% ในปี 2568 ตามด้วยเวียดนาม 165,465 ตัน เพิ่ม 9.13% และมาเลเซีย 76,379 ตัน เพิ่ม 4.21% โดย 5 ปีข้างหน้า จีนยังคงเป็นผู้นำเข้าทุเรียนรายใหญ่ของโลก ซึ่งนำเข้าเพิ่มขึ้น 95.1% จากปี 2563 เป็น 938,882 ตัน รองมาเป็นฮ่องกง นำเข้าเพิ่มขึ้น 61.4% เป็น 374,245 ตัน ขณะที่ประเทศผู้นำเข้ารายใหม่ที่น่าจับตามอง คือ เกาหลีใต้ และไต้หวัน แม้ว่าปริมาณนำเข้าจะยังไม่มากนัก แต่การนำเข้าขยายตัวเพิ่มขึ้นมากถึง 53.3% และ 35.7% ตามลำดับ
สำหรับทุเรียนอาเซียน 10 ปีที่ผ่านมา อินโดนีเซียครองแชมป์การผลิตทุเรียนมากที่สุดของโลก ตามด้วยไทย มาเลเชีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ แต่ทุเรียนอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ส่งออกน้อยเพราะมีข้อจำกัดด้านคุณภาพและมาตรฐานการส่งออก และ 5 ปีข้างหน้าไทยแซงหน้าอินโดนีเซีย ตามมาด้วย มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งปี 2568ผลผลิตทุเรียนไทยมากเป็นอันดับ 1 สัดส่วน 39.2% อินโดนีเซียเป็นอันดับ 2 สัดส่วน 30.6% ของอาเซียน ผลผลิตทุเรียนไทย 5 ปีข้างหน้าเพิ่ม 83% จำนวน 2,028,490 ตัน ในปี 2568 บริโภคในประเทศเพิ่ม 101.7% จำนวน 983,817 ตัน ในปี 2568) ส่งออกเพิ่มขึ้น 68.3% จำนวน 1,044,672 ตันในปี 2568 เทียบจากปี 2563 โดยปี 2563 มีสัดส่วนการบริโภคในประเทศ 44% ส่งออก 56% และในปี 2568 จะมีสัดส่วนการบริโภคในประเทศ 48.5% ส่งออก 51.5%
แยกเป็นรายประเทศ ผลผลิตทุเรียนมาเลเซีย 5 ปีข้างหน้าเพิ่ม 42.5% จำนวน 499,211 ตัน ในปี 2568 บริโภคในประเทศเพิ่ม 26.9% จำนวน 422,832 ตัน ปี 2568 ส่งออกเพิ่ม 349.3% ประมาณ 4.5 เท่า จำนวน 76,379 ตัน ในปี 2568 เทียบจากปี 2563 โดยปี 2563 มีสัดส่วนการบริโภคในประเทศ 95.1% ส่งออก 4.9% และในปี 2568 จะมีสัดส่วนการบริโภคในประเทศ 84.7% ส่งออก 15.3%
ผลผลิตทุเรียนอินโดนีเซีย 5 ปีข้างหน้าเพิ่ม 32% จำนวน 1,581,388 ตัน ในปี 2568 บริโภคในประเทศเพิ่ม 18.8% จำนวน 1,421,668 ตัน ปี 2568 ส่งออกเพิ่มประมาณ 236 เท่า จำนวน 159,720 ตัน ในปี 2568 เทียบจากปี 2563 โดยปี 2563 มีสัดส่วนการบริโภคในประเทศ 99.9% ส่งออก 0.1% และในปี 2568 จะมีสัดส่วนการบริโภคในประเทศ 89.9% ส่งออก 10.1%
ผลผลิตทุเรียนฟิลิปปินส์ 5 ปีข้างหน้าเพิ่ม 40.1% จำนวน 128,444 ตัน ในปี 2568 บริโภคในประเทศเพิ่ม 20% จำนวน 109,178 ตัน ในปี 2568 ส่งออกเพิ่ม 25 เท่า จำนวน 19,267 ตัน ในปี 2568 เทียบจากปี 2563 โดยปี 2563 มีสัดส่วนการบริโภคในประเทศ 99.2% ส่งออก 0.8% และในปี 2568 จะมีสัดส่วนการบริโภคในประเทศ 85% ส่งออก 15%
ผลผลิตทุเรียนเวียดนาม 5 ปีข้างหน้าเพิ่ม 19.9% จำนวน 416,788 ตัน ในปี 2568 บริโภคในประเทศเพิ่ม 7.4% จำนวน 251,323 ตัน ในปี 2568 ส่งออกเพิ่ม 46 เท่า จำนวน 165,465 ตัน ในปี 2568 เทียบจากปี 2563 โดยปี 2563 มีสัดส่วนการบริโภคในประเทศ 67.4% ส่งออก 32.6% และในปี 2568 จะมีสัดส่วนการบริโภคในประเทศ 60.3% ส่งออก 39.7%
นายอัทธ์ กล่าวถึงโอกาสทุเรียนไทย ได้แก่ 1. มีโอกาสในมณฑลชั้นในของจีน 2. มีโอกาสสร้างมูลค่าเพิ่มจากการแปรรูปผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น 3. โอกาสทุเรียนเฉพาะถิ่น และทุเรียนอัตลักษณ์ท้องถิ่น จะได้รับความนิยมมากขึ้น 4.มีโอกาสพัฒนาคุณภาพ ตาม GMP และ GAP 5.โอกาสในตลาดใหม่ เกาหลี ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง และอินเดีย
สำหรับความเสี่ยง ทุเรียนไทย ได้แก่ 1. จีนอนุญาตให้นำเข้าจากประเทศอื่น 2. ไทยขาดระบบตรวจสอบย้อนกลับ 3.ทุเรียนอ่อน และเครื่องมือในการตรวจ 4.จีนตรวจเข้มมากขึ้น 5.จีนมีการปลูกทุเรียน และพัฒนาสายพันธุ์ 6. ประเทศไทยเน้นส่งออกทุเรียนสด 7.ขาดแพคเกจจิ้งในการยืดอายุทุเรียนสด 8.สวมสิทธิ์ทุเรียนจากประเทศเพื่อนบ้าน 9.ตลาดถูกควบคุมโดยล้ง