นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยจะมีวันหยุดระหว่างสัปดาห์ คือ วันอังคารที่ 6 เมษายน ส่วนสัปดาห์หน้าก็จะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวจากเทศกาลสงกรานต์ ขณะเดียวกันตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญมีเพียงการรายงาน PMI ภาคบริการของสหรัฐ (ISM) ในวันที่ 5 เมษายน ตลาดคาดที่ 58.3 หากออกมาดีกว่าคาดเชื่อว่าส่งผลบวกต่อการลงทุน ดังนั้นด้วยวันหยุดที่คาบเกี่ยวและเริ่มเข้าใกล้วันหยุดยาวกอปรกับไม่มีปัจจัยอะไรเด่นชัดทำให้ประเมินทิศทาง SET INDEX จะแกว่งตัวกรอบ 1580 – 1615 ส่วนการแพร่ระบาด โควิด-19 ณ Cluster ใหม่บริเวณทองหล่อให้น้ำหนักกดดันเพียงระยะสั้น เชื่อว่ารัฐบาลจะคุมอยู่จากประสบการณ์ที่มีมากว่า 1 ปีและปัจจุบันวัคซีนก็เริ่มกระจายแล้ว ทั้งนี้มองว่าธุรกิจที่รับผลกระทบเนื่องจาก คือธุรกิจมีพื้นที่ธุรกิจใกล้เคียงทองหล่อ รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยว ที่รับผลกระทบเชิงจิตวิทยาแต่หากราคาปรับฐานลงมามองเป็นโอกาสสะสม
ส่วนกลยุทธ์การเลือกหุ้นควรหาอุตสาหกรรมที่มีปัจจัยบวก อาทิ 1.ส่งออก ทิศทางค่าเงินบาทระยะสั้นมีโอกาสอ่อนค่าต่อเนื่องหลังสหรัฐรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ในวันศุกร์กระทรวงแรงงานเปิดเผยการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 9.16 แสนตำแหน่ง สูงกว่าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 6.5 แสนตำแหน่ง อย่างไรก็ตามในระยะกลางไตรมาส2/2564 อาจเริ่มเห็นค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าเนื่องจากอุปสงค์ในการท่องเที่ยวประเทศไทยจะเริ่มกลับมาตามการค่อยๆเปิดรับต่างชาติ
2. Laggard Play หรือหุ้นที่ราคายังไม่ปรับขึ้นเหมือนหุ้นตัวอื่นๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน ที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ปัจจุบันราคาดัชนีหลายอุตสาหกรรม คือ ท่องเที่ยว ปิโตรเคมี การเงิน รวมถึง SET ต่างก็ฟื้นตัวกลับมาสูงกว่าระดับก่อนเกิด โควิด-19 สะท้อนความคิดของตลาดว่าตลาดเชื่อว่าท้ายที่สุดผลประกอบการจะกลับมาเท่ากับระดับก่อน โควิด-19 ทั้งนี้ยังมีบางอุตสาหกรรมที่ยังไม่กลับไปเท่ากับก่อน โควิด-19 และได้ประโยชน์เศรษฐกิจฟื้นเช่นกัน ได้แก่ ธนาคาร ค้าปลีก สื่อกลางแจ้ง อสังหา โรงพยาบาล ขนส่ง
