ไทย-ตุรกี เพิ่มความถี่เจรจาเอฟทีเอ หลังบรรลุแค่ 4ใน14เรื่อง คงเป้าปิดดีลปี65

ที่กระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวถึงผลการประชุมเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย – ตุรกี รอบที่ 7 ผ่านระบบทางไกล โดยเป็นประธานร่วมกับนางบาฮาร์ กึซลือ รองอธิบดีกรมความตกลงระหว่างประเทศและกิจการสหภาพยุโรปของตุรกี ว่า การเจรจารอบนี้ มีการประชุมคณะกรรมการเจรจาการค้าระหว่างหัวหน้าคณะเจรจาของสองประเทศ และการประชุมระดับเทคนิคของคณะทำงาน 6 คณะ ได้แก่ คณะทำงานด้านการค้าสินค้า การเยียวยาทางการค้า กฎระเบียบทางเทคนิค มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช กฎหมาย และทรัพย์สินทางปัญญา โดยการเจรจามีความคืบหน้าด้วยดีตามที่ตั้งเป้าไว้

นางอรมน กล่าวว่า ผลสรุปจากการเจรจา คือ ยกร่างความตกลง FTA เพิ่มอีก 2 บท คือ บทว่าด้วยความโปร่งใส และบทเรื่องการระงับข้อพิพาท ทำให้สามารถสรุปความตกลงได้ถึง 4 บท จากทั้งหมด 14 บท สำหรับบทที่ยังไม่สามารถสรุปได้ อาทิ บทว่าด้วยมาตรการเยียวยาทางการค้า บทว่าด้วยมาตรการที่เป็นอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า และบทว่าด้วยมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช โดยตั้งเป้าหาข้อสรุปให้ได้ในการเจรจารอบหน้า ซึ่งกำหนดจัดขึ้นไตรมาส3/2564 เพื่อมุ่งปิดดีลการเจรจาภายในปี 2565

นางอรมน กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความเห็นต่อข้อเสนอการเปิดตลาด โดยเฉพาะรายการสินค้าที่จะลดหรือยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรระหว่างกัน และเห็นว่าผลการเจรจาจะต้องเกิดประโยชน์ต่อภาคการผลิตและผู้ประกอบธุรกิจอย่างแท้จริง และมีความสมดุลระหว่างระดับการเปิดตลาดสินค้าเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะปรับปรุงรายการสินค้าที่จะเปิดตลาด เพื่อแลกเปลี่ยนข้อเสนอกันอีกครั้ง ปลายเดือนเมษายนนี้ นอกจากนี้ ยังได้กำหนดจัดการประชุมทางไกลของคณะทำงานด้านกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า ระหว่างเดือนเมษายน-กรกฎาคม 2564 เนื่องจากการเจรจารอบนี้ยังไม่ได้มีการประชุมของคณะทำงานชุดนี้ ทั้งนี้ เพื่อให้การทำงานของคณะทำงานชุดต่างๆ คืบหน้า ก่อนจะมีการประชุมเจรจาในรอบที่ 8

นางอรมน กล่าวว่า ตุรกีเป็นคู่ค้าอันดับที่ 37 ของไทยในตลาดโลก และเป็นอันดับ 4 ในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยในปี 2563 การค้าระหว่างไทยและตุรกี มีมูลค่า 1,339 ล้านเหรียญสหรัฐ ไทยส่งออกไปตุรกี มูลค่า 952 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยนำเข้าจากตุรกี มูลค่า 388 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ อุปกรณ์และส่วนประกอบรถยนต์ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศ และเม็ดพลาสติก และสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ พืชและผลิตภัณฑ์พืช เสื้อผ้าสำเร็จรูป และเครื่องประดับอัญมณี

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image