เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร จตร.ฯ ปฏิบัติราชการ บช.น. เรียก พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผบก.น.5 และ พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผกก.สน.ทองหล่อ ประชุม กรณีเหตุที่เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่รับผิดชอบ หลังประชุมบริหาร บช.น. ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนต์
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่าปัจจุบันมีตำรวจสังกัด บช.น. ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 24 คน บก.น.1 จำนวน 1 คน บก.น.5 จำนวน 15 คน บก.น.6 จำนวน 1 คน บก.น.7 จำนวน 2 คน บก.น.9 จำนวน 2 คน บก.จร. จำนวน 2 คน และศฝร. จำนวน 1 คน มีการกักตัวตำรวจเป็นผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดมีความเสี่ยงสูง 15 คน ส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อเป็นฝ่ายปฏิบัติการที่ต้องออกตรวจสถานที่เสี่ยง โดยเฉพาะสถานบริการ รวมถึงเป็นเพื่อนร่วมงานที่สัมผัสใกล้ชิดในห้วงดังกล่าวทั้งหมดทำการสอบสวนโรคและเข้ารับการรักษาตัวเรียบร้อยแล้ว
“สำหรับคลิปเสียงที่ปรากฏตามสื่อต่าง ๆ ว่ามีตำรวจไปดูแลนักการเมืองที่มาเที่ยวสถานบริการนั้น เบื้องต้น ผบก.น.5 และ ผกก.สน.ทองหล่อ ตรวจสอบยืนยันว่าไม่มีข้าราชการตำรวจในสังกัดไปทำหน้าที่ดูแลนักการเมืองแต่อย่างใด ส่วนถ้ามีพยานหลักฐานว่ามีตำรวจเกี่ยวข้องขอให้แจ้งมายัง บช.น. หรือ บก.น.5 เพื่อทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อจะแจ้งให้สังคมได้รับทราบต่อไป”
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่าสั่งการให้ ผบก.น.5 และ ผกก.สน.ทองหล่อ พิจารณาดำเนินคดี โดยแบ่งออกเป็นสองส่วน สถานบริการ หรือสถานประกอบการ ได้แก่ คริสตัล คลับ และ เอมเมอรัล คลับ พิจารณาดำเนินคดีว่าอาจมีความผิดตามกฎหมายสถานบริการ ประกาศ ข้อกำหนด ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ พ.ร.บ.สถานบริการ ข้อหาตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด และประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว กรณีให้สถานที่ตามประกาศ ต้องปฏิบัติตามาตรการป้องกันควบคุมโรคเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค แนบท้ายประกาศนี้โดยเคร่งครัด ซึ่งทั้งสองที่ไม่ได้มีการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวถึงกรณีการจัดงานเลี้ยง ในโรงแรมแกรนด์เซ็นเตอร์พอยต์ สุขุมวิท 55 ว่าให้ฝ่ายสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน คลิปที่ปรากฏ เพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคล และเตรียมเรียกผู้แทนโรงแรม และผู้จัดงานเลี้ยงมาพบพนักงานสอบสวน ซึ่งการจัดงานดังกล่าว ผู้เข้าร่วมอาจมีความผิดตาม ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ ทั้งสองกรณีอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน พิสูจน์ทราบผู้ที่มีอำนาจรับผิดชอบสถานที่ หรือการจัดงาน เพื่อออกหมายเรียกมาสอบสวน และดำเนินคดีตามกฎหมาย จะได้รายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป
“บช.น. ได้ปฏิบัติตามประกาศ กรุงเทพมหานคร รวมถึงกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องการเปิดสถานบริการ หรือ สถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด มาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจัดชุดตรวจ ทั้งของตำรวจเอง และชุดตรวจร่วมกับทางสำนักงานเขต ซึ่งหลังจากที่ กทม. ออกประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ให้สถานบริการเปิดถึงเวลา 23.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ออกประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามประกาศดังกล่าว รวมถึงมาตรการแนบท้ายประกาศที่ให้สถานที่แต่ละประเภทดำเนินการเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดหากพบว่าสถานที่ใดทำไม่ถูกต้อง ครบถ้วน ก็จะตักเตือน แต่ถ้าได้มีการตักเตือนให้แก้ไขแล้วยังไม่ปฏิบัติตาม ก็จะพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมาย” ผบช.น.กล่าว
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับในเรื่องการสอบสวนโรค เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานควบคุมโรคตติดต่อ ทั้งนี้ ในส่วนผู้ติดเชื้อที่จงใจปกผิดข้อมูลการเดินทางหรือแจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนและควบคุมโรคเป็นผลให้เชื้อโรคแพร่ออกไป อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ และหากมีการร้องทุกข์จากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ พนักงานสอบสวนก็จะพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
