ผู้เขียน | สุชาติ ศรีสุวรรณ |
---|
ที่เห็นและเป็นไป : ‘มีอยู่หรือ’ช่วยตอบที
ชัดเจนเหมือนกับที่ผู้เชี่ยวชาญการระบาดของโควิด-19 ว่าไว้คือกลับมาระบาดอีกครั้งในช่วงนี้ หรือที่เรียกว่า “รอบ 3” จะร้ายแรงกว่า 2 รอบที่ผ่านมา
ผลออกมาแล้ว แม้ว่าจะไม่ตรวจกันอย่างเข้มข้น คิวตรวจยังได้รับอนุมัติด้วยการวินิจฉัยอย่างเคร่งครัดในเรื่องโอกาสของความเสี่ยง แม้จะมีอาการแต่ไม่ชัดว่าเป็นอาการของโควิด หรือมีความเกี่ยวข้องกับ
ผู้ป่วยอยู่บ้างแต่ประเมินแล้วยังไม่ใกล้ชิดมากนัก จะยังไม่ใช่ผู้ที่ได้รับการตรวจอย่างด่วน และคนส่วนใหญ่ไม่ได้ตรวจ อาจจะไม่เห็นความจำเป็น หรือประเมินแล้วไปตรวจเข้าจะส่งผลกระทบต่อชีวิตมากกว่า
ถึงกระนั้นก็ตาม จำนวนผู้ป่วยยังเพิ่มขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ ขึ้นหลักพันคนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และเชื่อกันว่าการเดินทางที่ทำให้ต้องสัมผัสกับคนแปลกหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อาจจะทำให้ไทยเราเสี่ยงต่อการถูกประเมินว่าเป็น “ประเทศที่ควบคุมการระบาดไม่ได้” จะส่งผลกระทบตามมามากมาย โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจ เพราะนั่นหมายถึงการลงทุน และการท่องเที่ยวจะถูกพับยาวไปเลย
เมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่าคือสถานการณ์ร้ายแรง
เพราะที่ผ่านมาสถานการณ์ไม่ร้ายแรงเท่านี้ แต่รัฐบาลควบคุมให้ออกมาตรการรับมืออย่างเข้มข้น แม้จะให้ท้องถิ่นดำเนินการเอง แต่ยังต้องเป็นไปตามที่รัฐบาลเห็นว่า ไม่น้อยเกินไป
การสั่งปิดจังหวัด ตั้งด่านตรวจละเอียด มีมาตรการกักตัวผู้ที่มาจากพื้นที่เสี่ยง มีให้เห็นทั่วประเทศ แม้ไม่ใช่คำสั่งโดยตรง แต่ล้วนเป็นเรื่องที่่รัฐบาลไม่มีข้อคัดค้านอะไร เท่ากับเห็นดีเห็นงามไปด้วย
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่อย่างนั้น แม้จะเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อโรคมากกว่า ทว่าท่าทีของรัฐบาลกลับแสดงออกเหมือนไม่เห็นดีเห็นงามกับการสั่ง “ล็อกดาวน์” พื้นที่เสี่ยง
เหมือนรัฐบาลอยากเห็นการคลี่คลายไปตามธรรมชาติ มากกว่ากดข่มให้ทุกอย่างหยุดชะงัก
ความน่าสนใจอยู่ที่ หากเป็นเช่นนั้นจริง อะไรทำให้รัฐบาลเปลี่ยนความคิด
การระบาดมากกว่า แต่การกระตุ้นให้เกิดความกลัว และคำสั่งควบคุมแบบเข้มข้นกลับน้อยกว่า หรือไม่อยากให้มีเลย
อะไรทำให้ท่าทีของรัฐบาลเปลี่ยนแปลงไปเช่นนั้น
มีข้อมูลออกมามากมายเสียด้วยซ้ำทางโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นจากใครก็ตามในทำนอง “โควิด” ไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด ผู้ป่วยจำนวนมากก็จริง แต่รักษาหายเสียเป็นส่วนใหญ่ ที่สูญเสียชีวิตเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมาก เมื่อเทียบจากตายด้วยสาเหตุอื่น ไม่ว่าจะเป็นโรคอื่น หรือจากอุบัติเหตุ
เหมือนคนที่ให้ข้อมูลอยากให้ประชาชนเลิกตื่นตระหนกมากมายกับเชื้อไข้หวัดตัวนี้ เหมือนที่เคยหวาดผวากันใน 2 รอบที่ผ่านมา
ข้อมูลในมุมนี้ ทำให้การไม่มีคำสั่งเข้มข้นเหมือนที่ผ่านมาของรัฐบาล กลายเป็นเรื่องที่เข้าใจมากขึ้น
ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจหลายคน ท่าทีที่เปลี่ยนไปถูกชี้ให้เห็นว่า สภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่เผชิญกับวิกฤตโควิดมายาวนาน ถึงวันนี้ปล่อยให้การล็อกดาวน์เกิดขึ้นอีกไม่ได้แล้ว
การระบาดครั้งแรก รัฐบาลได้รับอนุมติให้กู้เงินมหาศาลมาใช้แก้ปัญหา ซึ่งส่วนใหญ่หมดไปกับการเยียวยาผู้เสียหาย หรือเดือดร้อน
แต่ถึงเวลานี้ หากรัฐบาลต้องเสนอ พ.ร.บ.กู้เงินฯเพื่อให้รัฐสภาอนุมัติอีก คงเป็นเรื่องสนุกสนานยิ่งสำหรับการอภิปรายของฝ่ายค้านที่มีข้อมูลต่างๆ อยู่ในมือเพียบ
1.การแจกเงินแบบประชานิยมจะถูกตั้งคำถามมากมายถึงผลที่ได้รับ และสุดท้ายประโยชน์ตกอยู่กับใคร
2.สำนึกร่วมในวิกฤตของคนในรัฐบาลขณะที่ความเดือดร้อนกระจายไปทุกหย่อมหญ้า มีอะไรที่เป็นรูปธรรมในทางบวก พฤติกรรมแบบไหนที่สะท้อนถึงความไร้สำนึก
3.ฝีมือการบริหารจัดการประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตโดยการต้องกู้เงินมหาศาลมาใช้จ่ายมีอยู่แค่ไหน อะไรเป็นยุทธศาสตร์ที่ควรทำแต่ไม่ได้ทำ อะไรเป็นวิธีการที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะก่อให้เกิดอาการเสียความรู้สึกกับประชาชนผู้ต้องเผชิญชะตากรรม กลับยืนหยัดที่จะทำอย่างกระหยิ่ม ไม่สนใจว่าประชาชนจะรู้สึกอย่างไร
และอื่นๆ อีกมากมายที่สมาชิกรัฐสภา โดยเฉพาะฝ่ายค้านจะต้องซักไซ้ไล่เลี่ยงหาตอบจากรัฐบาล และข้อมูลผลงานของรัฐบาลอันนำสู่ความล้มเหลว หรือยุ่งยาก มาเปิดโปงให้ประชาชนได้รับรู้
แน่นอนย่อมมิใช่เรื่องดี
ความตื่นกลัวในโควิด เพื่อมีความชอบธรรมในการกู้เงินมหาศาลมาใช้ โดยมองไม่เห็นว่าจะมีหนทางหาเงินมาใช้หนี้ได้อย่างไรในอนาคต
เป็นเรื่องที่จะต้องพูดถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และนั่นย่อมเป็นเหตุผลว่าทำไม “โควิดรอบใหม่” จึงไม่ถูกทำให้ดูรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม คำถามที่ควรจะต้องมีคำตอบคือ “แท้ที่จริงแล้วการระบาดของโควิดเป็นมหันตภัยรุนแรงหรือไม่”
ถ้าเป็น เพราะทำให้เกิดการล้มตายของประชาชนโลกครั้งใหญ่ และยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง หมายถึงจะต้องตายกันอีกมาก
หากเป็นแบบที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่ารอบนี้ “รัฐบาลไม่รู้จะไปทางไหน” หากควบคุมการแพร่กระจายอย่างเข้มข้น “เศรษฐกิจก็พัง” และ “รัฐบาลไม่มีทางเยียวยาได้”
แต่ปล่อยให้ทำมาหากินกันไปตามปกติให้มากที่สุด เพื่อประคองระบบเศรษฐกิจไว้ โอกาสที่ผู้คนจะล้มตายจากโรคระบาด เหมือนที่เกิดขึ้นกับประชาชนในหลายประเทศก็เป็นไปได้
การจัดการหาจุดที่ลงตัว หาหนทางที่ดีที่สุดในเกิดความสูญเสียน้อยที่สุดไม่ว่าจะด้านใด ในวิกฤตของสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่ ต้องอาศัย “รัฐบาลที่มีความสามารถสูงอย่างยิ่ง เสียสละตัวเองอย่างมากที่จะนำพาประเทศไปข้างหน้า”
ปัญหาจึงมีอยู่ว่า “รัฐบาลที่ทรงภูมิปัญหา มีความสามารถ และดำรงในคุณธรรม” แบบนั้น ประเทศเรามีอยู่หรือ
สุชาติ ศรีสุวรรณ