หนุ่มเสพยาจนเพี้ยนไล่ยิงน้องเขยดับอนาถ อ้างแค้นโดนด่าว่าเป็นภาระ

หนุ่มเสพยาจนเพี้ยนไล่ยิงน้องเขยดับอ้างแค้นโดนด่าเป็นภาระ

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 21 เมษายน 2564 พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.สมภพ สังข์กงทอง รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.ประเสริฐศักดิ์ ฝอยกลาง ผกก.สภ.หนองแสง พ.ต.ท.กิ่ง แสงจำปา รอง ผกก.สอบสวน สภ.หนองแสง พ.ต.ท.สมศักดิ์ สุทธรัตน์ สว.ป.สภ.หนองแสง พ.ต.ท.ปรีชาวุฒิ โชติศิริ สว.สส.สภ.หนองแสง ร.ต.อ.ณัฐวัฒน์ สินทะสิทธิ์ รอง สว.สอบสวน สภ.หนองแสง นำกำลังตำรวจ สภ.หนองแสง และตำรวจสืบสวน ภ.จ.อุดรธานี กว่า 30 นาย ควบคุมตัวนายอภิชาต ฮะติ๊ด อายุ 27 ปี ชาวบ้านหนองบัว ม.4 ต.นาดี อ.หนองแสง จ.อุดรธานี ทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ ภายในบ้าน ม.4 บ.หนองบัว ต.นาดี อ.หนองแสง จ.อุดรธานี หลังก่อเหตุใช้ปืนแก๊ปไทยประดิษฐ์ยิงนายหิรัญ อัศดง อายุ 49 ปี ในบ้านพักเลขที่ดังกล่าว และเสียชีวิตขณะญาตินำตัวส่งโรงพยาบาล

สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ขณะที่ ร.ต.อ.ณัฐวัฒน์ สินทะสิทธิ์ รอง สว.สอบสวน สภ.หนองแสง ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก รับแจ้งเหตุคนใช้อาวุธปืนยิงกันได้รับบาดเจ็บสาหัส ญาตินำผู้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลหนองแสง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา จึงออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุและตรวจสภาพศพที่โรงพยาบาล ที่เกิดเหตุพบเพียงรอยเลือดหยดเป็นทางจากหน้าบ้านของผู้ตายไปถึงหน้าบ้านของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ที่ห่างกันประมาณ 30 เมตร จากการตรวจสภาพศพพบร่องรอยรูกระสุนลูกปลายบริเวณแผ่นหลังด้านขวา บางส่วนทะลุออกบริเวณไหปลาร้าและหน้าอกด้านซ้ายของผู้ตาย ส่วนมือปืนคือนายอภิชาต หรือแม็ก ฮะติ๊ด เป็นพี่ชายแท้ๆ ของภรรยาผู้ตาย หลังก่อเหตุได้ถืออาวุธปืนแก๊ป วิ่งหลบหนีออกทางประตูหลังบ้าน ตำรวจนำกำลังปิดล้อมกว่า 12 ชั่วโมง และสามารถจับกุมตัวได้ขณะเดินออกมาจากป่าอ้อยท้ายหมู่บ้านบุ่งหมากลาน ต.ปะโค อ.กุมภวาปี ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุราว 5 กิโลเมตร เพื่อออกมาขอข้าวและน้ำชาวบ้านกิน หลังจากนั้นควบคุมตัวไปค้นหาอาวุธปืนที่ผู้ต้องหาซ่อนไว้ในไร่อ้อย และควบคุมตัวพร้อมของกลางไปสอบสวนที่โรงพัก ก่อนควบคุมตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ

พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายต่อว่าตนเป็นภาระของครอบครัว โดยผู้ตายต่อว่าตนเป็นประจำ ประกอบกับเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา ตอนทำงานก่อสร้างด้วยกันที่ต่างจังหวัด ผู้ตายใช้เสียมตีศีรษะตนเลือดอาบเย็บ 7 เข็ม ทำให้ตนเจ็บแค้นใจ จึงเป็นเหตุจูงใจในการตัดสินใจก่อเหตุครั้งนี้ ส่วนประวัติผู้ตายเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติด (ยาบ้า) มา 2 ครั้ง เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะ หมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันควร ส่วนเรื่องยาเสพติดต้องรอผลการตรวจปัสสาวะ เพื่อยืนยันจากโรงพยาบาลในการดำเนินคดี เนื่องจากผู้ต้องหารับสารภาพอีกว่า ก่อนก่อเหตุได้เสพยาบ้าและดื่มเหล้าขาวด้วย

Advertisement

น.ส.พรนิภา ฮะติ๊ด อายุ 23 ปี ภรรยาผู้ตาย เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า พี่ชายตนเสพยาบ้ามาตั้งแต่อายุ 14 ปี จนมีอาการทางประสาท ก่อนเกิดเหตุพี่ชายมาขอเงินตนและยาย เพื่อเป็นค่าเดินทางไปทำงานที่ กทม. แต่ตนห้ามไม่ให้ไปเพราะช่วงนี้เชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาด ถ้าไปก็คงไม่มีงานทำและก็ต้องเดินทางกลับมาบ้านนำเชื้อมาติดคนในครอบครัว ก่อนเกิดเหตุไม่มีวี่แววจะเกิดเหตุรุนแรงเลย แต่คนร้ายที่เป็นพี่ชายแท้ๆ ของตนเห็นสามีตนเดินเข้ามาทางหลังบ้าน ก็รีบไปคว้าปืนแก๊ปขึ้นมาเล็งใส่สามีตน สามีเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งออกจากบ้าน และเป็นขณะเดียวกันที่พี่ชายของตนลั่นไกปืนใส่ทางด้านหลังสามี ก่อนที่สามีจะไปล้มลงจมกองเลือดบริเวณหน้าบ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ตนและญาติจึงรีบวิ่งไปนำสามีส่งโรงพยาบาลหนองแสง และเสียชีวิตระหว่างทาง เนื่องจากกระสุนทะลุปอดเสียเลือดมาก ส่วนมือปืนได้วิ่งหลบหนีไปทางหลังบ้าน

”สงสารและเสียใจมาก ที่สามีต้องมาจบชีวิตจากน้ำมือของพี่ชายของตน และเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นเพราะความสงสารที่พี่ชายหย่าร้างกับภรรยา และไม่มีงานทำ จึงบอกให้พี่ชายมาช่วยทำงานรับจ้าง ปลูกมัน ตัดอ้อยและทำนา พร้อมกับช่วยดูลูกหญิงและชายของตนที่มีกับผู้ตาย 2 คน คนโตเป็นหญิง อายุ 6 ขวบ และคนเล็กเป็นผู้ชาย อายุ 2 ขวบ ส่วนสาเหตุตนมั่นใจว่ามาจากอาการหลอนยาบ้าที่เสพไปพร้อมกับดื่มเหล้า จนทำให้ประสาทหลอน กลัวคนมาทำร้าย เนื่องจากเมื่อก่อนสามีตนเคยทะเลาะกันกับพี่ชายถึงขั้นเลือดตกยางออกมาแล้ว ก่อนมาก่อเหตุสลดขึ้นครั้งนี้”

ด้านนางหนู ฤทธาพรม อายุ 68 ปี แม่ของผู้ตายเปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างมากจนเป็นลมหลายครั้ง มีลูกชายเพียง 2 คน ผู้ตายเป็นลูกชายคนโต และเป็นคนไม่ค่อยพูด ไม่กินไม่ดื่ม ขยันทำงาน หนักเอาเบาสู้ และไม่เคยสร้างความเดือดร้อนแก่คนในครอบครัวและชาวบ้าน ส่วนมือปืนก็ไม่เคยมีเรื่องหรืออาละวาดกับคนในหมู่บ้าน จะมีแต่ก็เมื่อเสพยาและดื่มเหล้า จะนั่งพูดอยู่คนเดียวและเคยบอกตนเองว่ามีคนมาพูดใส่หูว่าจะมีคนมาตามฆ่า ก่อนมาก่อเหตุยิงน้องเขยเสียชีวิต ไม่ยอมให้อภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะว่าลูกของตนเองถูกยิงจนตายอย่างไม่มีเหตุผล

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image