เคเอสซีพอร์ท เพิ่มกองเรือเสริมบริการขนส่งน้ำมันในประเทศ ทุ่ม 200 ล้าน แผน 5 ปียกชั้นบริการระดับเอเชีย

นายกฤษ สีตองอ่อน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคเอสซีพอร์ท จำกัด บริษัทฯผู้ให้บริการด้านงานโลจิสติกส์ทางทะเลอย่างครบวงจร เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งทางเรือและธุรกิจการเดินเรือนอกชายฝั่ง จัดตั้งบริษัท เคเอสซีพอร์ท ที่จังหวัดสงขลา เพื่อให้บริการงานโลจิสติกส์ทางทะเลครบวงจร โดยเฉพาะธุรกิจผลิตปิโตรเลียมต้นน้ำ(Upstream) ทั้งสนับสนุนการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมนอกชายฝั่งอ่าวไทย ทะเลอันดามัน และธุรกิจการขนส่งปิโตรเลียมทางทะเล(Downstream)

 

“บริการของบริษัท เป็นผู้ประสานงานและควบคุมดำเนินการงานเข้า-ออกของคน เรือ สินค้า ระหว่างเรือและท่าเรือให้แก่บริษัทเรือต่างๆ ที่ท่าเรือในจังหวัดสงขลา ท่าเรือระนอง และท่าเรือจุกเสม็ด สัตหีบ แต่วิสัยทัศน์ในระยะยาว 5 ปีข้างหน้า บริษัทต้องการขยายธุรกิจให้มีการเติบโตมากขึ้น และเพิ่มคุณภาพการให้การบริการหลากหลาย รองรับความต้องการลูกค้าให้ครบวงจรมากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มการจัดหาและขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งทางบกและทางทะเล โดยเริ่มจากการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยรถบรรทุกน้ำมันไปที่เรือ ณ ท่าเทียบเรือ บริษัทจึงเดินหน้าลงทุนซื้อเรือบรรทุกน้ำมันเพื่อขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงโดยทางเรือ ซึ่งถือเป็นบริการใหม่ล่าสุด และเป็นการปิดจุดอ่อนของบริษัท เพิ่มโอกาสทางการตลาดในการดึงลูกค้าใหม่ๆ และเป็นการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเดิมของบริษัท” นายกฤษ กล่าวและว่า การขยายธุรกิจดังกล่าว จะช่วยยกระดับทางเศรษฐกิจของท้องถิ่นและยกฐานะคนจังหวัดสงขลาด้วย

Advertisement

นายกฤษณชัย ยินดียม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคเอสซีพอร์ท จำกัด กล่าวว่า การลงทุนซื้อเรือ เป็นแผนธุรกิจที่วางไว้เพื่อช่วยเติมเต็มด้านโลจิสติกส์ โดยเฉพาะการขนส่งน้ำมันทางเรือ เส้นทางเดินเรือต่างๆภายในประเทศ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าปิโตรเลียมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงช่วยลดต้นทุนให้กับบริษัท จึงช่วยเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมถึงให้บริการแก่ลูกค้าในราคาเหมาะสมยิ่งขึ้น

นายกฤษณชัย กล่าวว่า สำหรับแผนระยะยาว 3-5 ปี บริษัทวางงบลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อซื้อเรือหรือขยายกองเรือขนส่งน้ำมันเพิ่ม โดยเฉพาะขนาดกลางจากปัจจุบันเป็นเรือขนาดเล็ก

“การลงทุนซื้อเรือครั้งนี้เป็นอีกก้าวการเติบโตของบริษัท ที่จะเติมเต็มบริการโลจิสติกส์ทางทะเลให้ครบวงจรมากขึ้น และยังเป็นการยกระดับการขนส่งน้ำมันทางทะเลสู่ระบบดิจิทัล เพราะบริษัทได้พัฒนาระบบการจัดการการขนส่งทางทะเลด้วยระบบดิจิทัล เพื่อให้ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์ที่ดีที่สุด พร้อมกับก้าวทันตามโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้ว่าบริษัทจะเป็นผู้ประกอบการโลจิสติกส์ขนาดเล็ก แต่วางอนาคตบริษัทให้เติบโตต่อเนื่อง ขยายบริการครบวงจรรองรับลูกค้าในระดับภูมิภาคเอเชีย”

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image