AIT โชว์ผลงาน Q1/64 กวาดรายได้ 1,824 ล้าน กำไรพุ่ง 98% ตั้งรับโควิดดี พร้อมลุยประมูลงานกวาดรายได้ตามเป้า

นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ผู้ดำเนินธุรกิจบริการออกแบบและรับเหมาวางระบบโครงข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2564 (มกราคม – มีนาคม 2564 ) จากงบเฉพาะกิจการ บริษัทฯ มีรายได้อยู่ที่ 1,824 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% มีกำไรสุทธิ 123 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 98% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,232 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 62 ล้านบาท ผลจากการทยอยส่งมอบงานให้แก่ลูกค้าทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนจาก Backlog ในปี 2563 จำนวน 4,760 ล้านบาทและโครงการในไตรมาสแรกของปี 2564

นายศิริพงษ์ กล่าวว่า แม้ในปัจจุบัน ยังคงต้องเผชิญต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่บริษัทฯ ได้เตรียมรับมืออย่างเต็มที่ โดยยังคงเดินหน้าตามแผนธุรกิจ และมั่นใจผลการดำเนินงานในปี 2564 จะทำได้ 6,500 ล้านบาท ตามเป้าหมาย ซึ่งถือเป็นการเติบโตแบบ Conservative Growth เน้นการพัฒนาการให้บริการเพื่อสร้างความพึงพอใจของลูกค้าอย่างสูงสุด รวมถึงการพัฒนาบุคลากรและระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้ง การมุ่งเน้นผลกำไรและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 นี้ บริษัทได้รับโครงการใหม่ๆ เช่น โครงการสัญญาซื้อขาย Storage สำหรับขยายระบบคลาวด์กลางภาครัฐ และโครงการสัญญาจ้างบำรุงรักษาระบบและอุปกรณ์โครงข่ายสื่อสารข้อมูลของ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด เป็นต้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมเข้าร่วมประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมุ่งเน้นเข้าร่วมประมูลงานภาครัฐและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากภาครัฐเร่งเดินหน้าแผนการลงทุนด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ตามกรอบงบประมาณปี 2564 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ปัจจุบัน AIT มีมูลค่างานในมือ (Backlog) ณ วันที่ 30 เมษายน 2564 อยู่ที่ 5,700 ล้านบาท และยังมีงานที่อยู่ระหว่างรอคำสั่งซื้อจากลูกค้า (Waiting for P/O) อีกประมาณ 120 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้

“แม้ประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอกที่สาม แต่บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริม Backlog อย่างเต็มที่ โดยยังเดินหน้าตามแผนธุรกิจที่วางไว้ เนื่องจากในปัจจุบันเทคโนโลยีกลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันและต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งในสถานการณ์โรคระบาดทำให้ผู้คนหันมาเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบเครือข่าย หรือระบบ Cloud Computing เพื่อรองรับการทำงานทุกด้าน ทั้งด้านการจัดเก็บข้อมูล ด้านการติดตั้งฐานข้อมูล หรือการใช้งานซอฟต์แวร์เฉพาะด้านในธุรกิจต่างๆ เพื่อเข้าถึงข้อมูล และสามารถอำนวยความสะดวกได้ ซึ่งในอนาคตจะเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจ การใช้ชีวิต และการทำกิจกรรมต่างๆ ทำให้บริษัทฯ ไม่หยุดที่จะพัฒนารูปแบบการทำงานให้รองรับการใช้งานของลูกค้า” นายศิริพงษ์ กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image