CV ยื่นไฟลิ่ง ตั้งบล.ทรีนิตี้ ที่ปรึกษาทางการเงิน รอเสนอขายไอพีโอ ระดมทุน SET

นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ CV เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และเป็นผู้ให้บริการทางด้านวิศวกรรมการออกแบบครบวงจร ทั้งก่อสร้างโรงไฟฟ้า บริการเดินเครื่องและบำรุงรักษา บริการจัดหาเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้า ตลอดจนลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ มากว่า 15 ปี ปัจจุบัน ประกอบธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนแบบครบวงจร แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ธุรกิจหลัก ได้แก่

1.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า (Power Producer) ที่มุ่งเน้นพัฒนาและกระจายการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีจากพลังงานหมุนเวียนหลากหลายประเภท โดยมีโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วจำนวน 4 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 26.2 เมกะวัตต์ (ปริมาณพลังงานไฟฟ้าเสนอขายตามสัดส่วนการถือหุ้น 16.69 เมกะวัตต์) แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าชีวมวลจำนวน 3 โครงการดำเนินการภายใต้บริษัท CV, CPL และ RTB และโรงไฟฟ้าขยะ จำนวน 1 โครงการ ดำเนินการภายใต้ CPX ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล โคลเวอร์ เพาเวอร์ (CV) อ.วังชิ้น จ.แพร่ กำลังการผลิตติดตั้ง 9.4 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล โคลเวอร์ พิษณุโลก (CPL) อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก กำลังการผลิตติดตั้ง 4.9 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล รุ่งทิวา ไบโอแมส (RTB) อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าขยะ โคลเวอร์ พิจิตร (CPX) อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร กำลังการผลิตติดตั้ง 2.0 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ ในกลุ่มบริษัทฯ ยังมีโครงการโรงคัดแยกและแปรรูปขยะมูลฝอยเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิงขยะ (Refuse Derived Fuel: RDF) ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง จำนวน 2 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตประมาณ 120 ตัน/วัน และ 200 ตัน/วัน ตามลำดับ และโครงการโรงไฟฟ้าแบบพลังงานความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าชธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักที่อยู่ระหว่างเข้าซื้อกิจการ จำนวน 1 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้ง 7.36 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะที่อยู่ระหว่างพัฒนาในต่างประเทศ จำนวน 1 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งประมาณ 6.0 เมกะวัตต์

2.ธุรกิจด้านงานวิศวกรรม (EPC Turnkey) ที่มุ่งเน้นการให้บริการงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจากเชื้อเพลิง ชีวมวล ขยะและก๊าซชีวภาพ และงานโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวเนื่องด้านพลังงาน โดยดำเนินงานให้บริการงานด้านการออกแบบ จัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์และก่อสร้าง (Engineering Procurement and Construction: EPC) แบบครบวงจร ให้แก่โรงไฟฟ้าของกลุ่มบริษัทฯ และลูกค้าทั่วไปมากกว่า 14 โครงการ ที่ดำเนินกิจการภายใต้ SBC และ SBE ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 100 โดยงาน EPC ถือเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินกิจการโรงไฟฟ้าให้มีความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพและนำจุดแข็งด้านทีมวิศวกรที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการก่อสร้าง การเดินเครื่องจักรและการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าทำให้มีความเข้าใจในเทคนิคการออกแบบ การเลือกใช้เทคโนโลยี การจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์ให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมให้คำแนะนำแก่ลูกค้าในการควบคุมต้นทุนอย่างเหมาะสม จึงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในลักษณะจ้างเหมาแบบครบวงจร (Turnkey) มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบโครงการขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ มูลค่าโครงการตามสัญญาตั้งแต่ 50 ล้านบาท จนถึง 2,000 ล้านบาท

Advertisement

และ 3.ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับพลังงานหมุนเวียน (Power Plant Support) ให้บริการเดินเครื่องและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance: O&M) ให้แก่ลูกค้าโรงไฟฟ้าทั่วไป พร้อมมุ่งเน้นให้บริการเดินเครื่องและบำรุงโรงไฟฟ้ากลุ่มพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน ที่ดำเนินกิจการภายใต้ SBE โดยบริษัทฯ มีทีมวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการปฎิบัติงานเดินเครื่องและบำรุงรักษาที่พร้อมให้บริการอย่างครบวงจร

นายเศรษฐศิริกล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมวางรากฐานเพื่อเสริมความมั่นคงและสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วยหลักธรรมาภิบาล เพื่อส่งเสริมการใช้พืชพลังงาน พลังงานธรรมชาติ พลังงานสะอาด และการอนุรักษ์พลังงาน นำมาหล่อหลอมบุคลากรด้วยวัฒนธรรมการพัฒนาปัญญาให้เชื่อมโยงองค์กร และผู้มีส่วนได้เสีย สังคม และสิ่งแวดล้อมให้ดำรงอยู่อย่างมีคุณค่าร่วมกัน โดยมีเป้าหมายภายใน 3 ปี ข้างหน้า (2564-2566) จะมุ่งขยายการลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานหมุนเวียน และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานทั้งประเทศไทยและต่างประเทศที่อุตสาหกรรมด้านพลังงานหมุนเวียนกำลังเติบโต โดยเน้นลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนควบคู่กับงานด้านวิศวกรรม EPC Turnkey แบบครบวงจรในกลุ่มเทคโนโลยีพลังงานจากเชื้อเพลิงชีวภาพ อาทิ ชีวมวล ขยะ และก๊าซชีวภาพ รวมถึงพลังงานสะอาด ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะช่วยสร้างความมั่นคงด้านเชื้อเพลิงในธุรกิจโรงไฟฟ้า ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน รวมถึงช่วยสร้างโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

นายดิถดนัย สังขะรมย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2564 บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ปัจจุบัน CV มีทุนจดทะเบียน 640,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,280,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 480,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 960,000,000 บาท และจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 320,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้ โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปขยายธุรกิจทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกลุ่มบริษัทฯ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image