เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ดร.ณพลเดช มณีลังกา ว่าที่ผู้สมัคร สก. เขตสัมพันธวงศ์ พรรคเพื่อไทย(พท.) เปิดเผยภายหลังได้ได้ยื่นหนังสือถึงขอวัคซีนถึง “ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง” ผ่านเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยว่า ต้องขอชื่นชมนายหยาง ซิน (Mr.Yang Xin) อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ที่แนะนำให้ประเทศไทยทำจดหมายขอรับการสนับสนุนวัคซีนจากจีน 1 ล้านโดส ทั้งนี้ต้องชื่นชมประเทศจีนที่เป็นประเทศแรกที่ประกาศให้วัคซีนที่ผลิตเองเป็นสินค้าสาธารณะช่วยประเทศที่กำลังพัฒนามีโอกาสเข้าถึงและซื้อวัคซีนได้ สำหรับการบริจาควัคซีนจากจีนให้กับประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของไทย ว่าครั้งหนึ่งประเทศจีนได้หยิบยื่นมิตรภาพ โดยการบริจาควัคซีนเพื่อการรักษาโควิด19 ให้กับประเทศไทย ที่ต้องตอบว่าขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในภาวะที่ยากลำบากยิ่ง โดยเฉพาะประชาชนนอกจากจะมีความยากลำบากในการใช้ชีวิตในประจำวัน ยังต้องมีความยากลำบากในด้านเศรษฐกิจอีกด้วย
ดร.ณพลเดช กล่าวต่อเพิ่มเติมว่า “วัคซีน” ถืออาวุธสำคัญในการแก้ปัญหาวิกฤติใหญ่ในครั้งนี้ จนถึงวันนี้จีนถือเป็นประเทศที่มีการฉีดวัคซีนมากที่สุดในโลก คือ มากกว่า 350 ล้านโดสแล้ว แต่สำหรับประเทศไทยเรายังให้ความสำคัญต่อการใช้อาวุธที่สำคัญคือการให้วัคซีนต่อประชาชนยังน้อยมาก ทั้งมาตรการให้ความรู้และความเชื่อมันให้กับประชาชน รวมถึงระบบการจัดการที่จะทำให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนที่ยังไม่ชัดเจน ทั้งนี้ในเบื้องต้นขอให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เร่งทำหนังสือขอวัคซีนถึงรัฐบาลจีนตามที่นายหยาง ซิน แนะนำ ทั้งนี้เห็นว่าควรขอวัคซีน “ซิโนฟาร์ม (Sinopharm)” ที่บริษัทเภสัชภัณฑ์สัญชาติจีน เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางเลือกสำหรับประชาชน อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่หากว่าวันหนึ่งในอนาคตที่อาจมีการซื้อขายเกิดขึ้นก็สามารถดำเนินการได้ ไม่ต้องมาติดเงื่อนไขของ อย. เงื่อนไขทางภาษี หรือเงื่อนไขอื่นๆ ที่หากดำเนินการภายหลังก็จะเป็นการยาก
