หนุ่มโรบินฮูดไทย จบหมอที่สหรัฐ เข้าพบ ‘โจ ไบเดน’ ร่วมหารือ-ผลักดันกม. เปิดทาง ‘ดรีมเมอร์’ สู่สถานะพลเมืองอเมริกัน

หนุ่มโรบินฮูดไทย จบหมอที่สหรัฐ เข้าพบ ‘โจ ไบเดน’ ร่วมหารือ-ผลักดันกม. เปิดทาง ‘ดรีมเมอร์’ สู่สถานะพลเมืองอเมริกัน

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม เพจเฟซบุ๊ก SiamTownUS ได้เผยแพร่เรื่องราวของ ‘หมอนิว’ จิรายุทธ ลัทธิวงศกร คนไทยคนแรกที่อยู่ในสถานะ ‘โรบินฮูด’ หรือ ‘ผู้ที่อยู่อาศัยเกินวีซ่าตามกฎหมาย’ ที่จบการศึกษาแพทย์ จากมหาวิทยาลัย ยูซี ซานฟรานซิสโก ได้รับเชิญเข้าพบ กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่ทำเนียบขาว เพื่อร่วมหารือและผลักดันกฎหมายให้คนที่อยู่ในสถานะ DACA หรือ ดรีมเมอร์ ที่เดินทางตามผู้ปกครองมาตั้งแต่เด็ก ได้มีสถานะเป็นพลเมืองอเมริกัน อย่างสมบูรณ์

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มดรีมเมอร์อีก 5 คน ที่มีอาชีพต่างๆ ในภาคการศึกษา เกษตร และสาธารณสุข เข้าพบด้วยเช่นกัน ซึ่งล่าสุดผู้นำสหรัฐฯ กำลังพยายามผลักดันที่จะให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมายราว 11 ล้านคน ได้เป็นพลเมืองสหรัฐฯ จากการผ่านกฎหมายให้เร็วที่สุด โดยมีขั้นตอนเงื่อนไขการให้สถานะแตกต่างกัน

ทั้งนี้ ‘หมอนิว’ เป็นหนึ่งใน “โรบินฮูด” เชื้อสายไทยที่มีอยู่มากมายในสหรัฐฯ โดยเขาอยู่เกินวีซ่า (ท่องเที่ยว) มาตั้งแต่อายุเก้าขวบ หลังจากที่ติดตามพ่อและแม่เดินทางเข้ามาลงหลักปักฐานเพื่อสร้างชีวิตที่ดีกว่าในแคลิฟอร์เนียภาคเหนือ เมื่อหลายสิบปีก่อน

Advertisement

ก่อนจะได้รับโอกาสเข้า เรียนแพทย์ที่ยูซีซานฟรานฯ ตลอดห้าปี ภายใต้โปรแกรมชื่อ Medical Education for the Urban Underserved (แพทย์ศาสตร์สำหรับนักศึกษาด้อยโอกาส) ซึ่งเป็นโครงการของยูซี ซานฟรานฯ ที่เน้นให้โอกาสทางการศึกษากับชุมชนผู้อพยพเป็นหลัก ซึ่งระหว่างที่ยังศึกษาอยู่นั้นเขาได้ทำงานเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของกลุ่มอิมมิแกรนท์ มีผลงานเป็นที่ยอมรับมากมาย

Advertisement

รวมถึงการร่วมก่อตั้งองค์กรไม่หวังผลกำไรชื่อ Pre-Health Dreamers (PHD) ทำงานช่วยเหลือกลุ่ม “ดรีมเมอร์” ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในสายการแพทย์และสาธารณสุขศาสตร์ รวมถึงทำงานในลักษณะเป็นล็อบบี้ยิสต์ กับบรรดานักการเมือง ทั้งระดับรัฐและระดับประเทศด้วย

ด้วยความตั้งใจในการทำงานที่ผ่านมานั้น ทำให้สำนักงานบริการสาธารณสุขของสหรัฐฯ ได้ประกาศเกียรติคุณ ยกย่องว่าเขาเป็นนักศึกษาแพทย์ที่ทำงานในแนวเดียวกับองค์กร นั่นคือ “ปกป้อง ส่งเสริม และเสริมสร้างสุขภาพที่ดี และความปลอดภัยให้กับประเทศอเมริกา” ทั้งผลงานของเขาก็ได้รับการยอมรับจากนิตยสารฟอร์บส์ ที่ยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน 30 คนหนุ่มสาวที่น่ายกย่อง ประจำปี 2017 ด้วย

อย่างไรก็ตามหมอนิวเคยได้ออกมาเล่าถึงการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของผู้อพยพอย่างจริงจัง นั่นก็เพราะ “แรงขับ” มาจากประสบการณ์ตรงที่ครอบครัวของเขาเคยประสบสมัยมาถึงอเมริกาใหม่ๆ ที่พ่อแม่ต้องทำงานหนักในร้านอาหาร เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว โดยไม่มีระบบประกันสุขภาพใดๆ มารองรับทั้งสิ้น

ทำให้ตนเองและพี่ๆ ไม่เคยได้รับการตรวจสุขภาพประจำปี หรือครอบครัวต้องวุ่นวายเมื่อมีใครล้มป่วยขึ้นมา

ที่มา : SiamTownUS, ข่าวสด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image