นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเปิดโครงการ “พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน” Lot 11 (Food Delivery) ว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้ประชุมร่วมกับผู้เกี่ยวข้องที่จะให้ความช่วยเหลือร้านอาหาร อาทิ ผู้บริหารแพลตฟอร์มฟู้ดดิลิเวอรี 5 แพลตฟอร์ม สมาคมด้านร้านอาหารทั่วประเทศ เช่น สมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหาร สมาคมผู้ประกอบการร้านอาหาร สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด สมาคมร้านอาหารและบันเทิงเชียงใหม่ ชมรมผู้ประกอบการร้านอาหาร เป็นต้น และผู้แทนสถาบันการเงินภาครัฐ 6 สถาบัน ได้แก่ เอสเอ็มอีแบงก์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารอิสลาม ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และ 6. บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
ทั้งนี้ ได้หารือ 2 ประเด็นเพื่อช่วยสนับสนุนร้านอาหารในภาวะวิกฤตโควิด ได้แก่ 1. จัดโครงการพาณิชย์ลดราคา!ช่วยประชาชน Lot 11 เพื่อช่วยเหลือบุคคล 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารที่ขายอาหารผ่านแพลตฟอร์ม และ กลุ่มผู้บริโภคซึ่งซื้ออาหารผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ โดยสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารจะมีการลดค่าคอมมิสชั่นที่ร้านอาหารต้องจ่ายให้กับแอพพ์สั่งอาหาร(GP) ที่แพลตฟอร์มคิดกับร้านอาหารจากเฉลี่ย 35% -25% ลงมาเหลือ 25% ซึ่งมี 5 แพลตฟอร์มจะเข้าร่วมโครงการ 1.Robinhood 2. foodpanda 3.Grab 4.Gojek และ 5.Lineman ที่จะลดค่า GP เหลือ 25% ในภาพรวม ยกเว้น Robinhood ไม่คิดค่า GP และ foodpanda ไม่คิดค่า GP สำหรับร้านใหม่
นายจุรินทร์ กล่าวว่า 2.หารือเกี่ยวกับช่วยเหลือผู้บริโภค มี 2 ส่วน คือ 1.ลดราคาอาหารที่ขายผ่านทั้ง 5 แพล็ตฟอร์ม สูงสุด 60% และลดค่าขนส่ง 4 แพลตฟอร์ม ในระยะส่ง 3-5 กิโลเมตรแรก ลดสูงสุดจาก 40 บาทเหลือ 0 บาท ประกอบด้วย 1.Robinhood 2.foodpanda 3.Grab และ 4.Gojek ตั้งแต่วันที่ 1-30 มิถุนายน 2564 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล สำหรับค่า GP ส่วนค่าอาหารจะลดทั่วประเทศ และ 2.จัดโครงการแมชชิ่งเงินกู้ให้กับร้านอาหารทั่วประเทศโดยกระทรวงพาณิชย์จะเป็นตัวกลางช่วยร้านอาหารสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและปลอดหลักทรัพย์ในบางกรณี โดยได้รับความร่วมมือจาก 6 สถาบันการเงิน
อีกความช่วยเหลือผู้บริโภค คือ จัด 2 กิจกรรม 1.ให้สถาบันการเงินให้ข้อมูลกับร้านอาหารที่สนใจเข้าถึงแหล่งเงินกู้ วันที่ 1-6 มิถุนายน 2564ในรูปแบบออนไลน์ และต่างจังหวัดจะให้พาณิชย์จังหวัดเป็นผู้ดำเนินการให้ร้านอาหารที่สนใจสอบถามข้อมูลจากสถาบันการเงิน 2.จัดแมชชิ่งให้ยื่นเรื่องเพื่อขอกู้เงินตามเงื่อนไขทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ วันที่ 7-20 มิถุนายน 2564 เพื่อช่วยให้ร้านอาหารในช่วงวิกฤตโควิดได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและปลอดหลักทรัพย์ในบางกรณี ซึ่งร้านอาหารที่มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินกู้ที่จดทะเบียนไว้ ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นนิติบุคคล 15,967 ร้าน และบุคคลธรรมดา 103,000 ร้าน รวมแล้ว 118,967 ร้าน
“ในความร่วมมือผู้ประกอบการแพลตฟอร์มอาจสูญเสียรายได้ 250-350 ล้านบาท แต่เป็นการลดภาระ และโครงการนี้คาดจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท” นายจุรินทร์กล่าว
