ผู้ว่าฯสงขลาตรวจแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย 7 จุด พบสารพัดวิธีลักลอบข้ามแดน พาดบันได ตัดรั้ว ขุดดินมุดกำแพง สั่งคุมเข้มตลอดแนวชายแดนความยาว 85 กิโลเมตร คลัสเตอร์ปาดังเบซาร์ที่พบผู้ป่วยกว่า 30 คนมาจากบ่อนลอยและบ่อนวิ่ง
วันที่ 29 พ.ค. นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าฯสงขลา พร้อมหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนไทยมาเลเซีย ได้ตรวจสอบแนวชายแดนไทยมาเลเซีย ในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ และ ต.สำนักขาม รวม 7 จุด ทั้งที่เป็นแนวรั้วชายแดนและที่เป็นช่องทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นช่องทางที่มักจะมีการลักลอบข้ามแดนจากฝั่งมาเลเซียเข้ามาของแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย และคนไทย โดยไม่ผ่านการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการป้องกันโควิด-19 ของ จ.สงขลา ในกรณีของผู้ที่ลักลอบเข้ามา
นายจารุวัฒน์เปิดเผยว่า แนวชายแดนไทยมาเลเซียของ อ.สะเดา มีความยาว 85 กิโลเมตร อาจมีบางจุดที่มีการลักลอบเข้ามาทั้งทางรั้วชายแดนและช่องทางธรรมชาติ ซึ่งมีทั้งการพาดรั้วหรือไม้ข้ามมา ตัดรั้วและขุดดินลอดเข้ามา ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามลาดตระเวนป้องกันอย่างเต็มที่
“ให้หน่วยความมั่นคงในพื้นที่ทั้งทหาร ตชด.แบ่งพื้นที่รับผิดชอบให้ชัดเจนหากจุดไหนที่บกพร่องมีการลักลอบเข้ามาฝ่ายที่ดูแลก็ต้องรับผิดชอบไปและเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำพาผู้ที่ลักลอบข้ามแดนมา รวมทั้งให้ตั้งจุดตรวจจุดสกัด ทั้งถนนสายหลักและสายรองอีกชั้นกรณีที่อาจหลุดลอดเข้ามาจากชายแดน”
นายจารุวัฒน์เปิดเผยว่า กรณีที่มีคลัสเตอร์ผู้ป่วยโควิดในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ กว่า 30 คน ว่า ทีแรกมีการให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนว่าติดมาจากคนที่เข้าไปหาของป่าชายแดนไทยมาเลเซีย แต่จริงๆ ติดจากบ่อนลอยบ่อนวิ่งที่นำมาติดคนในครอบครัวและแพร่ออกไป ซึ่งเหมือนกับคลัสเตอร์ อ.บางกล่ำ และ อ.คลองหอยโข่ง ที่ติดจากบ่อนลอยบ่อนวิ่งเช่นกัน