เมย์แบงก์ ชี้หุ้นกลุ่มวัฎจักรเศรษฐกิจ ยังโดดเด่นอีกยาว รับศก.โลกฟื้นตัว

นายธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์ นักกลยุทธ์เศรษฐศาสตร์มหภาค บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)  กล่าวว่า ประเมินแผนงบประมาณสหรัฐฯ เน้นการจ้างงาน และช่วยผู้มีรายได้น้อย จากที่นาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ เปิดเผยรายละเอียดของแผนงบประมาณสำหรับปีงบประมาณ 2565 เริ่มต้นเดือน ต.ค. 2564 โดยมีนโยบายหลักสองด้าน คือ 1.สวัสดิการสำหรับครอบครัวชาวอเมริกัน วงเงิน 1.8 ล้านล้านเหรียญฯ เน้นสนับสนุนการศึกษา ลดหย่อนภาษีสำหรับครอบครัวผู้มีบุตร แรงงาน และผู้มีรายได้น้อย รวมไปถึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข  2. กระตุ้นการจ้างงาน วงเงิน 2.3 ล้านล้านเหรียญฯ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง และด้านอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการสร้างงาน สร้างรายได้ และ 3) งบประมาณที่รัฐสภาอนุมัติให้เป็นรายปี วงเงิน 1.5 ล้านล้านเหรียญฯ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกจัดสรรไปในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงประมาณ 7.54 แสนล้านเหรียญฯ ประกอบด้วย Cybersecurity, โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี, โครงการเพื่อยับยั้งจีนและรัสเซีย เน้นการ R&D เพื่อความมั่นคง, พัฒนาขีดความสามารถของอาวุธยุทโธปกรณ์ด้านต่างๆ และช่วยเหลือครอบครัวทหาร ในขณะเดียวกันก็ยืนยันแผนปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 21% เป็น 28% รวมถึงกลุ่มผู้มีรายได้สูง

หากดูในรายละเอียด พบว่าแผนงบประมาณฉบับใหม่นี้ มีหลายด้านที่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจากยุคของ โดนัล ทรัปม์ นำโดย ด้านการศึกษา การค้า ด้านสาธารณสุข และด้านสิ่งแวดล้อม (เพิ่มขึ้น +40.9%, +29.4%,+23.4% และ +21.6% ตามลำดับ) ส่วนประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ พบว่า อัตราการว่างงานอยู่ที่ระดับ 5.5% และ 4.1% ในปี 2564 และ 2565 ตามลำดับ และอัตราเงินเฟ้อ (CPI) อยู่ที่ระดับ 2.1% ในปี 2564-2565 และทรงตัวระดับต่ำกว่า 2.3% ต่อเนื่องในระยะ 10 ปี ข้างหน้า

สิ่งที่สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนจากแผนงบประมาณนี้ คือ 1. ตอกย้ำนโยบายที่มุ่งเน้นลดความเหลื่อมล้ำ 2. การให้ความสำคัญของนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม 3. การให้ความสำคัญของนโยบายต่างประเทศ ซึ่งอาจหมายถึงความตึงเครียดที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะกับจีนและรัสเซีย 4. ให้น้ำหนักกระตุ้นภาคแรงงานที่ยังฟื้นตัวช้า มากกว่า ความกังวลต่อเงินเฟ้อพุ่งแรงเกินไป จากนโยบายที่ยังเน้นการจ้างงาน และประมาณการณ์เงินเฟ้อในระดับที่ควบคุมได้ในระยะยาว อย่างไรก็ตามประมาณการณ์เศรษฐกิจนี้ ทำเมื่อเดือน ก.พ. ก่อนที่จะเห็นตัวเลขเดือน เม.ย. +4.2%

แผนงบประมาณนี้แม้จะมีรายละเอียอดส่วนใหญ่เป็นไปตามที่ตลาดรับรู้อยู่แล้ว แต่ถือเป็นการตอกย้ำภาพเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มวัฎจักรในระยะยาวที่จะค่อยๆฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ การค้าระหว่างประเทศที่ดีต่อเนื่อง  ทั้งหุ้นธนาคาร แนวโน้มกำไรปี 2564-65 จากต้นทุนสินเชื่อที่ต่ำกว่าคาดและการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นในไตรมาส 1 หุ้นกลุ่มพลังงาน ตามแนวโน้มราคาก๊าซผ่านพ้นจุดต่ำสุด ประเมินภาพในระยะยาวขยายตัวเฉลี่ย +3% ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัวเร็วกว่าคาดหนุน Demand การท่องเที่ยว เดินทาง เป็นบวกต่อน้ำมันเครื่องบิน เข้าสู่จุดฟื้นตัว แนวโน้มธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์โดดเด่นต่อเนื่องในปี กลุ่มขนส่งโลจิสติกส์ แนวโน้มกำไรในไตรมาส2/2564 มีโอกาสทำกำไรต่อเนื่อง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image