งบปี’65 วาระ1 เสียงโหวตฉลุย แต่ หืดขึ้นคอ

งบปี’65 วาระ1 เสียงโหวตฉลุย แต่ หืดขึ้นคอ

การพิจารณางบประมาณประจำปี 2565 วาระ 1 ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม- 2 มิถุนายน สิ้นสุดลงไปแล้ว

สภาผู้แทนราษฎรมีมติด้วยเสียงส่วนใหญ่ “รับหลักการ”

มติที่สภาผู้แทนราษฎรโหวต 269 ต่อ 201 งดออกเสียง 2

เมื่อพิจารณาลงไปในรายละเอียดพบว่า เสียงของฝ่ายรัฐบาลโหวตรับหลักการอย่างพร้อมเพรียง ขณะที่เสียงของพรรคฝ่ายค้านขาดหายไป

Advertisement

สำหรับการพิจารณางบประมาณในครั้งนี้มีนัยยะสำคัญที่สะท้อนออกมาจากการประชุม

นั่นคือ การทำหน้าที่ ส.ส. กับการทำหน้าที่ของพรรคการเมือง

ส.ส.แม้จะอยู่พรรคฝ่ายรัฐบาล แต่ก็อภิปรายชำแหละงบประมาณปี 2565 เต็มเหนี่ยว

Advertisement

พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล แม้จะมี ส.ส.ที่อภิปรายไม่เห็นด้วยกับการจัดงบประมาณ แต่ในที่สุดก็ต้องโหวตตามมติพรรค

ยกเว้นแต่ ส.ส.ที่ถูกเรียกขานว่า “งูเห่า”

ส.ส.กลุ่มนี้ ได้แสดงเจตนาของตัวเองกับอนาคตทางการเมืองที่จะไม่สังกัดพรรคที่สังกัดอยู่ในขณะนี้อย่างชัดเจน

การเมืองหลังจากการพิจารณางบประมาณปี 2565 ได้สะท้อนภาพให้เห็นระยะห่างของรัฐบาลกับประชาชน

ส.ส.ที่เป็นตัวแทนของประชาชน แม้จะอยู่ในฟากฝั่งรัฐบาล กลับอภิปรายไม่เห็นด้วยกับการจัดงบประมาณครั้งนี้

โดยเฉพาะ ส.ส.จากพรรคภูมิใจไทยที่มองว่าเป็นการจัดงบแบบ “ไม่ให้เกียรติ” ฝ่ายนิติบัญญัติ

นำงบประมาณกระทรวงที่ต้องผ่านการพิจารณาของ ส.ส. ไปรวมอยู่กับงบกลาง ซึ่งอยู่ในดุลพินิจของฝ่ายบริหาร

และงบประมาณที่ถูกตัดอย่างเห็นได้ชัดคือ งบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

ขณะที่ ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ น้ำหนักการอภิปรายมาจากมือเศรษฐกิจของพรรคที่แสดงความเป็นห่วงในเรื่องหนี้

ส่วนพรรคฝ่ายค้าน ได้เปรียบเทียบงบประมาณของกองทัพกับงบประมาณกระทรวงสาธารณสุข งบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ

และยังมองไปถึงการออก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลออกมาเสริมงบประมาณปี 2565

แต่ผู้ใช้งบประมาณคือฝ่ายบริหาร โดยฝ่ายนิติบัญญัติไม่ได้ตรวจสอบ

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันลงมติวาระ 1 รับหลักการ พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลทั้ง 2 พรรค ยืนยันที่จะลงมติรับ

กลายเป็นวาทะ

“อภิปรายเหมือนราชสีห์ แต่ลงมติเหมือนหนู”

ปรากฏการณ์ดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังมีความเข้มแข็งในสภา

แม้พรรครัฐบาลจะประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ 122 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 50 เสียง พรรคภูมิใจไทย 61 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 12 เสียง พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคพลังท้องถิ่นไท พรรคละ 5 เสียง พรรคชาติพัฒนา 4 เสียง และพรรคเล็กอื่นๆ

แม้ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคภูมิใจไทย หันไปรวมกับพรรคฝ่ายค้านที่มี 211 เสียง จะสร้างปัญหาให้แก่รัฐบาลในสภา

แต่ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ทำเช่นนั้น

สะท้อนให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ในจุดที่ได้เปรียบ

จุดที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องยกมือให้

ขณะที่การแสดงท่าทีและการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรครั้งล่าสุด แตกต่างจากการประชุมสภา หลายต่อหลายครั้งที่ผ่านมา

ส.ส.อภิปรายต่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2565 อย่างดุดัน

นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเกมรุกในสภาตั้งแต่การพิจารณาวันแรก

“ฝากถึงหัวหน้าพรรค ถ้าเขาไม่รัก ก็กลับบ้านเรา”

ตามมาด้วย นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ตอกย้ำประเด็น

ปีที่ผ่านมา กรมควบคุมโรคได้รับการจัดสรรงบ 4 พันล้านบาท แต่ปีนี้เหลือเพียง 3.5 พันล้านบาท

ที่สำคัญทางกรมควบคุมโรคได้เสนองบประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดซื้อวัคซีน 70 ล้านโดส มาฉีดให้ประชาชนทั้งประเทศ แต่งบส่วนนี้กลับถูกตัดออก โดยอ้างว่าจะให้ไปใช้งบกลางหรืองบเงินกู้

นี่คือความผิดหวังจากการจัดสรรงบ

หรือ นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ที่อภิปรายพาดพิงไปถึงสำนักงบฯ

สำนักงบประมาณดำเนินการโดยไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่ได้สัมผัสถึงความต้องการของประชาชน สิ่งที่พรรคภูมิใจไทยสะท้อน เป็นการสะท้อน ในที่ประชุมในฐานะผู้แทนประชาชน รู้สึกผิดหวังในการจัดงบ ไม่อยากจะพูดว่า สำนักงบประมาณจัดงบครั้งนี้เหมือนท่านใจดำกับคนทำงาน ใจดำกับประชาชน ท่านละเลยเรื่องนี้ ไม่เข้าใจว่าคนที่ทำอยู่หน้างาน ต้องเจออะไรบ้าง

สำนักงบประมาณจัดงบอยู่ในห้องแอร์ หอคอยงาช้าง ไม่ทราบว่าสิ่งที่ควรจะจัดต้องจัดอย่างไร ไม่เข้าใจการจัดงบ จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ไม่อาจทราบได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกระทบคนทำงาน กระทบประชาชน

สำนักงบประมาณที่กล่าวถึง อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี

จากการพิจารณางบประมาณปี 2565 ที่เพิ่งผ่านสภา วาระแรกไป หากรัฐบาลจับสังเกตอาการของ ส.ส.ได้ จะต้องกลับมาทบทวน

เพราะ ส.ส.เป็นตัวแทนของประชาชน ไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่

หากรัฐบาลได้รับความศรัทธาท่วมท้น ลักษณะการอภิปรายของ ส.ส. ย่อมไม่เป็นอย่างที่ปรากฏ

แต่เมื่อ ส.ส. กล้าแสดงออกเช่นนี้ แสดงว่าศรัทธาของรัฐบาลเริ่มมีปัญหา

ส.ส.ของพรรคฝ่ายค้านถึงกับโหวตล้มร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกจากนายกฯ

และท้าให้ยุบสภา

ส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาล กล้าพูดถึงงบประมาณในกระทรวงที่พรรคดูแล และถูกตัด

อีกส่วนหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นอันไม่เป็นคุณต่อ พล.อ.ประยุทธ์นัก

แม้ในที่สุดการลงคะแนนเสียงในวาระ 1 จะออกมาตามคาด นั่นคือ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 ผ่านวาระ 1 เข้าสู่วาระที่ 2 ชั้นกรรมาธิการ

แต่ตลอดระยะเวลา 3 วัน คือ วันที่ 31 พฤษภาคม- 2 มิถุนายน ชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลบริหารงานยากขึ้นเรื่อยๆ

งบประมาณปี 2565 แม้จะฉลุย

แต่ก็หืดขึ้นคอ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image