‘โรม’ ถามมีนายกฯแบบ ‘ประยุทธ์’ ไว้ทำไม หัวร่อต่อกระซิก ชิลริมทะเล บนคราบน้ำตา ปชช.

‘โรม’ ถามมีนายกฯ แบบ ‘ประยุทธ์’ ไว้ทำไม แปลแซนด์บ็อกซ์ เป็น ปราสาททราย หัวร่อต่อกระซิก ชิลริมทะเล บนคราบน้ำตา ปชช. ชี้ ถ้าแสร้งฉลาดไม่ได้ ก็แสร้งสลดบ้าง

เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงการว่าเดินทางไปเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะ ว่า หลายคนคงได้เห็นภาพและคลิปการพูดคุยต้อนรับนักท่องเที่ยวที่สนามบิน พร้อมบรรยากาศพักผ่อนหยอกล้อริมทะเล ปลูกต้นไม้ ปล่อยเต่า และเปิดงาน Hug Thai Hug Phuket ที่โรงแรมเซ็นทารา ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ยอดคนป่วยและเสียชีวิตจากโรค COVID-19 พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำสถิติใหม่ในทุกวัน จนแม้แต่ นายแพทย์ธงชัย ศิริหัถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ถึงกับต้องกล่าวต้อนรับแพทย์จบใหม่ที่กำลังจะไปประจำการในโรงพยาบาลบุษราคัมเพื่อรับมือวิกฤติที่เกิดขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือว่า ประเทศเรากำลังเจอภาวะขาดแคลนห้องไอซียู ขาดแคลนเครื่องช่วยหายใจ

“เวลาเดียวกันนั้น ผู้นำของเขา ทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กำลังหัวร่อต่อกระซิก พูดคุย หยอกล้ออยู่ริมทะเลกับนายกรัฐมนตรีที่ภูเก็ต หลังจากเสร็จภารกิจปล่อยเต่าและปลูกต้นไม้ พร้อมกับบทสนทนาที่ฝากต้นไม้ให้โตไปแล้วอย่าตาย และสนทนากับเต่าให้ลงสู่ทะเล ไม่ทราบว่าขณะที่ชีวิตประชาชนและแพทย์พยาบาลแถวหน้าที่กำลังวิกฤต ท่านใช้จิตสำนึกส่วนใดคิดกันครับว่าท่านควรทำอะไรก่อน” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีกำลังขายฝันเรื่อง Phuket Sandbox ว่าเป็นปราสาททราย โดยไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าความหมายของ Sandbox คือการเปรียบกับกระบะทรายที่ไว้ทดลองใช้นโยบายบางอย่างโดยไม่กระทบกับโครงสร้างและพื้นที่ภายนอก แล้วเชิญชวนผู้ประกอบกิจการในภูเก็ตให้กลับมาเปิดกิจการ ให้เปิดไฟให้สว่างไสว แต่นายกรัฐมนตรีไม่ได้อธิบาย ว่าภายใต้มาตรการ Phuket Sandbox นี้ หากมีการระบาดหนักเกิดขึ้นก็ต้องงดรับนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการที่ต้องลงทุนเพิ่มเพื่อเปิดกิจการโดยไม่รู้ว่าอนาคตจะโดนสั่งปิดอีกรอบเมื่อไร ผู้ประกอบการจำนวนมากก็ยังเข้าไม่ถึงมาตรการเยียวยา ทั้งพักชำระหนี้และ Soft Loan ทำให้ไม่มีเงินกลับมาเปิดกิจการ และที่ไกลจากเวที Hug Thai Hug Phuket ไม่มากนัก กลุ่มผู้ประกอบกิจการนวดที่พยายามมายื่นหนังสือขอให้นายกรัฐมนตรีแก้ปัญหา ก็ถูกกันออกไป ทำให้คนที่ควรจะได้รู้ปัญหาที่สุด ไม่ได้ทราบปัญหาอีก และปิดท้ายด้วยการที่นักข่าวพยายามถามถึงปัญหาทั้งหมดที่ว่ามา โดยเฉพาะวิกฤติผู้ติดเชื้อที่สนามบิน นายกรัฐมนตรีกับคณะเลือกจะเดินหนีโดยไม่ตอบอะไรเลย

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ทำไม ถ้าการรับรู้ปัญหาและหาแนวทางแก้ไข ยากเย็นเสียจนแค่จะตอบให้สมกับที่ยึดอำนาจบริหารวิกฤตทั้งหมดไปไว้ที่ตัวเองเพื่อจัดการแก้ปัญหาก็ยังทำไม่ได้และตอบอะไรไม่ได้ เรามีนายกรัฐมนตรีแบบนี้ไว้เพื่ออะไรกัน เอาปัญหาทุกอย่างซุกไว้ใต้พรม หัวเราะสนุกสนานกันท่ามกลางวิกฤตของชีวิตประชาชนและประเทศชาติ พวกท่านทำกันได้ยังไง ท่านรู้ไหมว่าเสียงหัวเราะของพวกท่านกับเสียงสะอื้นของหมอและประชาชน มันเกิดขึ้นเวลาเดียวกัน

Advertisement

“ถ้าการแสร้งว่าเก่ง หรือแสร้งว่าฉลาดไม่ได้ ท่านก็ช่วยแสร้งทำเป็นสลดบ้างเถอะครับ วันนี้ประวัติศาสตร์จะบันทึกไว้นะครับว่าท่านทำอะไรไว้บ้าง พูดอะไรบ้าง ท่ามกลางรอยเลือดและรอยน้ำตาของประชาชน” นายรังสิมันต์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image