SHOPLINE เปิดแผนบุกตลาดไทยครึ่งปีหลัง รุกเพิ่มบริการเสริมแกร่งผู้ประกอบการรับตลาดอีคอมเมิร์ซไทยมาแรง

นายชนนันท์ ปัญจทรัพย์ Country Manager, SHOPLINE Thailand เปิดเผยว่า สถานการณ์โควิด-19 เข้ามาเป็นตัวเร่งสำคัญที่กระตุ้นผู้บริโภคคนไทยก้าวเข้าสู่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซมีการขยายตัวสูง ประเมินว่าภาพรวมตลาดอีคอมเมิร์ซของประเทศไทยในปี 2564 จะมีการขยายตัว 15-20%

นายชนนันท์ กล่าวว่า สำหรับเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปีนี้และจะอยู่ไปอีกนานหลายปี ได้แก่ 1. Omnichannel ช่องทางการขายที่จะมีทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยเฉพาะออนไลน์มีหลายช่องทาง จะต้องมีการบริหารจัดการอย่างไร 2. Availability of payment and delivery options มีช่องทางรับการจ่ายเงินที่ควรมีหลายออปชั่นให้เลือก 3.Creative wins จากเดิมที่ผู้บริโภคจะซื้อจากราคาแต่ในปัจจุบันเรื่องราคาไม่สำคัญสุด ผู้ประกอบการต้องมีความคิดสร้างสรรค์ 4. Seamless customer experience ทำให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีตั้งแต่เข้ามาค้นหาสินค้าจนถึงการเลือกซื้อสินค้าและได้รับสินค้า 5. Direct to consumer (D2C) แบรนด์ต้องการอยากได้ข้อมูลโดยตรงกับลูกค้าสามารถไปต่อยอดได้ และ Social commerce ที่มีหลายด้าน แต่สิ่งที่มาแรงคือ Live commerce ที่จะสอดคล้องกับลูกค้าคนไทยที่อยากเข้ามาดู ได้รับความสนุกสนานและมีส่วนร่วมกับผู้ขายสินค้า

นายชนนันท์ กล่าวว่า SHOPLINE มองเห็นแนวโน้มสำคัญของการใช้ Social commerce ในไทย พบว่าเป็นการใช้งานผ่านช่องทางของ Facebook 58% รองลงมาเป็น Line 35% ตามมาด้วย Instagram 21% และ Twitter 11% ซึ่งลูกค้าประมาณ 69% จะเลือกซื้อสินค้าผ่าน Facebook จากเพจต่าง ๆ ซึ่งหากแยกตามกลุ่มผู้หญิงจะสนใจ ความงาม และผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย กลุ่มลูกค้าผู้ชายจะสนใจผลิตภัณฑ์ Gadget และของตกแต่งบ้าน กลุ่มอายุ 55 ปี จะสนใจเรื่องอาหาร

ขณะเดียวกันมีผลสำรวจการใช้ Social commerce ของคนไทยจะสนใจพูดคุยและ Live ในสัดส่วน 56% และมีความสนุกและพอใจในการซื้อของผ่าน Social commerce สัดส่วน 62% มียอดการใช้จ่ายเฉลี่ย 1,000-3,000 บาท และใช้เวลาผ่าน Social commerce ประมาณ 2 ชั่วโมงต่อวัน และช่วงเวลาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการทำ Live selling คือเวลา 19.00 น.

Advertisement

ขณะที่แนวโน้มการจัดทำ Live commerce ในประเทศไทยก็เติบโตสูงมาก ผลักดันมูลค่ารวมของยอดขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ช่วงไตรมาส 2 ของปี 2564 มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 300% เมื่อเทียบกับยอดขายไตรมาสแรก เติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 160% และจำนวนคำสั่งซื้อก็เติบโตเพิ่มขึ้น 210% จำนวนการถ่ายทอดสดเพิ่มขึ้น 300% รวมทั้งจำนวนความคิดเห็นเพิ่มขึ้น 283% โดยในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซจะมีออเดอร์สูงสุดในวันจันทร์ และออร์เดอร์สูงสุดในช่วงเวลา 20.00 น.

ส่วนภาพรวมยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ของภูมิภาคเอเชียมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 160% จำนวนคำสั่งซื้อเติบโต 180% จำนวนการถ่ายทอดสดเติบโต 70% และจำนวนความคิดเห็นเติบโตเพิ่มขึ้น 125% โดยเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซจะมีออเดอร์สูงสุดในวันพุธ และมีการสั่งซื้อสูงสุดช่วง เวลา 22.00 น.

สำหรับกลุ่ม 5 สินค้าที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภคและมีการเลือกซื้อผ่านอีคอมเมิร์ซสูงสุด อันดับแรกเป็นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม มีสัดส่วน 28% อันดับสองผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล มีสัดส่วน 16% กลุ่มโทรศัพท์มือถือและสมาร์ทโฟน มีสัดส่วน 8% ของใช้ในบ้าน มีสัดส่วน 6% และกลุ่มสินค้าเพื่อความสวยงาม มีสัดส่วน 5% ขณะที่พฤติกรรมการซื้อสินค้าของ Live Commerce หมวดหมู่ยอดนิยมจะเป็นผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ มีสัดส่วน 37% เครื่องแต่งกาย 28% และหมวดอาหารและเครื่องดื่ม 24%

นายชนนันท์ กล่าวว่า SHOPLINE เพิ่งเริ่มเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมีนาคม 2564 โดยขยายแฟลตฟอร์มการให้บริการอีคอมเมิร์ซและโซเซียลคอมเมิร์ซแบบครบวงจร หรือ A Global Smart Commerce Enabler ให้แก่ลูกค้าในประเทศไทย ช่วยผลักดันสร้างความสำเร็จให้แก่ผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง และมีการนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ ๆ มาเสริมการให้บริการ พร้อมทั้งเสริมองค์ความรู้ทางธุรกิจใหม่ ๆ โดยมีแผนการขยายตลาดช่วงครึ่งหลังของปี 2564 จะเดินหน้าแฟลตฟอร์มการให้บริการแก่ลูกค้า เพื่อรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดในไทย และร่วมสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้ขยายธุรกิจเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีแผนจะเปิดฟีเจอร์ใหม่จำนวน 2 รายการ พร้อมศึกษาการนำฟีเจอร์ใหม่มาใช้บริการที่จะสร้างนวัตกรรมให้แก่ร้านค้า รวมถึงการขยายบริการให้แก่ร้านค้าออนไลน์อย่างใกล้ชิดตั้งแต่ใช้งานและบริหารหลังการขาย พร้อมจัด Webinar และ Seminar เสริมองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการในทุกเดือน ซึ่งตามแผนงานจะทำให้ SHOPLINE ติดอันดับหนึ่งของ Smart Commerce Enabler ของประเทศไทยภายในปีนี้

นายชาญฤทธิ์ อนันตประยูร Marketing Manager, SHOPLINE Thailand กล่าวว่า ฟีเจอร์ใหม่ของ SHOPLINE ได้แก่ LIVE bidding เป็นฟีเจอร์การประมูลแบบ LIVE ที่จะทำให้ลูกค้าที่ให้ราคาสูงสุดใน LIVE สามารถรับสินค้าได้อัตโนมัติ และ Golden Minutes นาทีทอง สำหรับร้านค้าที่จะจัดกิจกรรมเล่นเกมกับลูกค้า เพื่อแจกของกำนัลให้แก่ลูกค้า รองรับความต้องการของการใช้งาน Live Commerce ในประเทศไทยที่มีการขยายตัวต่อเนื่อง

“ปัจจุบันมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและกลุ่มลูกค้าองค์กรเข้ามาเลือกใช้ SHOPLINE ในการทำตลาดและเพิ่มยอดขาย เช่น บริษัทเครื่องดื่มคิวมินซี ร้านแว่นตา Glassaholic, DANNYCOSMO แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นผู้ชาย สามารถสร้างยอดขายเติบโตสูงถึง 552% และแบรนด์เสื้อผ้าเด็ก Hello sunshine kids มียอดขายเติบโตกว่า 300% เป็นต้น ส่วนในระดับภูมิภาคเอเชีย มีร้านค้าใช้บริการ SHOPLINE มากกว่า 250,000 ร้านค้า เกิดยอดขายผ่านแพลตฟอร์ม SHOPLINE มากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image