‘ณพลเดช’ แนะรบ.ดูโมเดลราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ หาวัคซีนทางเลือก ใน 2 สัปดาห์

เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ดร.ณพลเดช มณีลังกา ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางปรับปรุงระบบราชการเพื่อปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร และ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตสัมพันธวงศ์ พรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า จากการที่ตนได้นำวัคซีนชิโนฟาร์มที่ได้รับบริจาคจากสมาคมการบินนภารักษ์บางส่วน มาจัดฉีดให้ประชาชน ที่โรงพยาบาลสมิติเวช-ไชน่าทาวน์ เขตสัมพันธวงศ์ ซึ่งขณะนี้ได้ฉีดครบแล้วในเข็มที่ 1 ซึ่งตนได้สัมผัสถึงการทำงานของแพทย์และบุคคลากรทางการแพทย์ที่ทุกคนทำงานและทุ่มเทอย่างหนัก ได้เห็นประชาชนที่อาจจะมีภัยถึงขั้นเสียชีวิตจากพิษโควิด19 ที่กำลังระบาดมากโดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตาหรือสายพันธุ์อินเดียที่แพร่มากถึง 70% แล้ว ตนได้รับโทรศัพท์และไลน์เพื่อขอบคุณที่ให้โอกาสกับประชาชนให้ได้รับวัคซีน ได้เห็นสีหน้าของคนที่ได้โอกาสของการรอดตายที่ชิโนฟาร์มยืนยันว่าปกป้องจากการเสียชีวิตได้ถึง 100% ได้เห็นลูกกำลังเข็นพ่อแม่ผู้สูงอายุมารับวัคซีนซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพ่อแม่ผู้ปกครองอันเป็นที่รักของตนจะรอดพ้นภัยในครั้งนี้ สิ่งนี้ตนอยากจะให้รัฐบาล ลงไปสัมผัสถึงความสุขของประชาชนที่ได้รับวัคซีนชนิดคุณภาพว่าเขามีความสุขเพียงใด ขณะนี้ทุกคนทั้งประเทศกำลังเป็นทุกข์

ดร.ณพลเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับประเด็นวัคซีนทางเลือกโดยเฉพาะกลุ่ม mRNA เช่น โมเดอร์นาและไฟเซอร์ ที่ผู้บริหารทั้งสองบริษัทนี้บอกว่ายังไม่ได้รับสัญญา สิ่งนี้ถือเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ไม่แพ้กับการปิดแค้มป์คนงานทำให้คนงานหนีแค้มป์จนเป็นเหตุให้เชื้อพุ่งไม่หยุด ในส่วนของการดำเนินการทำสัญญาและการดำเนินงานของภาคราชการที่อาจถูกอำนาจทางการเมืองแทรกแซงที่ผ่านมาแล้วคงจะกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้รังแต่จะทำให้มีการฟ้องร้องกัน ตนเห็นว่าขณะนี้เรามีตัวเลือกวัคซีนที่จะเข้ามาอีกมาก โดยเงื่อนไขยี่ห้อที่ซ้ำซ้อนกับรัฐบาลที่ปิดโอกาสไม่ให้เอกชนซื้อไม่ว่าจะเป็น ชิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า และสปุตนิก วี จะเป็นการกีดกันช่องทางกับภาคเอกชนหรือไม่ ในส่วนตัวของตนเห็นว่าควรเปิดช่องทางนี้ ส่วนยี่ห้ออื่น ๆ เช่น สปุตนิก ไลท์ นาโนแวค ฯลฯ ควรเปิดช่องทางที่สามารถจัดซื้อซ้ำซ้อนกันได้ภายในเอกชนด้วยกันได้ โดยเปิดกรอบให้เป็นเอกชนที่มีความน่าเชื่อถือในแง่ศักยภาพและความสามารถ โดยเพิ่มระบบบริหารจัดการไม่ให้ลักลั่น จนทำให้วัคซีนมีราคาแพงเพียงเท่านี้เราจะสามารถมีวัคซีนเพียงพอไม่เกินตุลาคมนี้ตามแนวทางที่รัฐบาลกำหนด 120 วัน ซึ่งการให้วัคซีนที่ควรกำหนดเป้าไว้ที่ 5 แสนโดสต่อวันในขณะนี้กับยอดผู้ติดเชื้อที่ทะลุไปถึง 6,000 คนและมีแนวโน้มว่าจะถึง 10,000 คนต่อวัน รัฐบาลยังควบคุมไม่ได้ทั้งสองมิติ

ดร.ณพลเดช กล่าวว่า นอกจากนี้รัฐบาลควรเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมีช่องทางลัด ซึ่งตนเห็นว่าควรดูจากกระบวนการของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เป็นต้นแบบ เพราะใช้เวลาในการประกาศราชกิจจานุเบกษาในหนึ่งวัน หลังจากนั้นอีกหนึ่งวันมีการแถลงร่วมกับรัฐมนตรีสาธารณะสุขและส่วนงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากนั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ พร้อมนำเข้าวัคซีน ทั้งนี้ตนอยากจะบอกกับรัฐบาลว่า เวลานี้เป็นเวลาที่ทุกคนเขาพร้อมที่จะช่วยเหลือรัฐบาล อย่ามองว่าเขามาแย่งซีนแย่งตลาดเลย เพราะประชาชนเขาเป็นทุกข์มาก การที่ภาคเอกชนเข้ามาช่วยเหลือจะเป็นอีกแรงให้ประเทศชาติพ้นภัยในครั้งนี้ได้เร็วขึ้น แต่กลับกันหากปิดกั้น “จะเป็นความเสียหายอันใหญ่หลวง ที่ประชาชนที่เขาเกิดและอยู่ในประเทศนี้ต้องรับความทุกข์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” สุดท้ายอยากจะฝากโคลงสี่สุภาพไปถึงรัฐบาล ดังนี้

ยูรยาตรร่อนร้อง คอยวัค-ซีนอยู่
เทแอปเป็นประจักร เลื่อนไข้
โมเดอร์น่าโดนหัก อ้างพล่อย บ่เซ็นต์
ราวเรื่องจารึกไว้ ส่องรู้ ฝีมือฯ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image