ปศุสัตว์ประจวบฯ ขอวัคซีน 2 พันโดสฉีดโคที่กุยบุรี หลังพบซากกระทิงติดเชื้อลัมปี สกิน
วันที่ 15 กรกฎาคม นายสัตวแพทย์ยุษฐิระ บัณฑุกุล ปศุสัตว์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า กรณีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี อ.กุยบุรี พบกระทิง 1 ตัว เพศผู้ อายุประมาณ 20 ปี น้ำหนักประมาณ 1,200 กิโลกรัม นอนตายบริเวณลำห้วย จากนั้นมีการผ่าซากตรวจพิสูจน์พบว่ามีการติดเชื้อลัมปี สกิน โรคอุบัติใหม่ที่กำลังระบาดในโคและกระบือ ถือเป็นการพบการติดเชื้อในสัตว์ป่าครั้งแรกของประเทศ ส่วนจะมีกระทิงติดเชื้อมากกว่า 1 ตัวหรือไม่ เป็นเรื่องที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ต้องวางแผนออกสำรวจ
นายสัตวแพทย์ยุษฐิระ กล่าวต่อว่า จากข้อมูลเบื้องต้นการติดเชื้อดังกล่าวไม่ได้เป็นสาเหตุให้กระทิงตาย แต่สันนิษฐานการตายว่ามาจากการต่อสู้กันเองของสัตว์ป่าเพราะมีร่องรอยบาดแผลรุนแรงที่เกิดจากการต่อสู้ และเพื่อเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อลัมปี สกินไปสู่สัตว์ป่า ปศุสัตว์จังหวัดฯได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดฯ แจ้งกำชับ 4 หมู่บ้านใน ต.หาดขาม อ.กุยบุรี คือหมู่ 6. 7, 8, 9 ให้เฝ้าระวังห้ามการเคลื่อนย้ายโคและกระบือจากต่างพื้นที่เข้ามาในหมู่บ้าน พร้อมประสาน อบต.หาดขาม เพิ่มความถี่ในการออกฉีดพ่นยาฆ่าแมลง พาหะนำโรคในคอกและโรงเรือนของเกษตรกร
“ได้เสนอเรื่องขอรับการสนับสนุนวัคซีนป้องกันโรคลัมปี สกิน ไปยังกรมปศุสัตว์ เพื่อนำมาฉีดให้กับโคและกระบือของเกษตรกรรวมกว่า 2,000 ตัว ในพื้นที่ 4 หมู่บ้านที่อยู่ติดกับเขตอุทยานฯ และรณรงค์ให้เกษตรกรอย่านำโคและกระบือออกไปเลี้ยงตามแนวชายป่าใกล้เขตอุทยานฯ เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อ” นายสัตวแพทย์ยุษฐิระ กล่าวและว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคลัมปี สกิน ในโคและกระบือ ของ จ.ประจวบฯ ขณะนี้มีสัตว์ป่วยติดเชื้อกว่า 3,000 ตัว หายป่วยแล้วประมาณ 900 ตัว ตาย 208 ตัว เกษตรกรได้รับผลกระทบ 912 ราย แนวโน้มสัตว์ป่วยตัวใหม่ลดลง แต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องเพราะโรคนี้มีระยะฟักตัวของเชื้อนาน 1 เดือน ดังนั้นการควบคุมโรคจะวางใจได้ว่าเข้าสู่สถานการณ์ปกติแล้วก็ต่อเมื่อพบสัตว์ป่วยตัวสุดท้ายรักษาหายแล้วเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 2 เดือน
