โควิด โลกร้อน สังคมสูงวัย แรงกระเพื่อม‘อาหาร’กับนวัตกรรมใหม่ เทคโนโลยี-สตาร์ตอัพ เมนูจานใหญ่ของวันพรุ่งนี้

ไม่ว่าสงครามครั้งไหนในประวัติศาสตร์โลก สิ่งสำคัญที่ไม่อาจขาดหายไปได้ นั่นคือ เสบียงอาหาร

เช่นเดียวกับสงครามในทศวรรษนี้ ที่โลกมีศัตรูร่วมมากกว่า 1

ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อนที่กังวัลกันมาพักใหญ่ ไหนจะการก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย จนมาถึงศึกใหญ่อย่าง “โควิด”

“อาหาร” หนึ่งในปัจจัย 4 ที่ชีวิตขาดไม่ได้ คือสิ่งที่ไม่ได้ถูกพัฒนาอยู่เพียงหน้าเตาในครัว หรือตลาดร้านรวง หากแต่เป็นเรื่องใหญ่ของวันพรุ่งนี้ ทั้งในแง่ทรัพยากร การผลิต รวมไปถึง “ธุรกิจ” อาหารในวันที่เทคโนโลยีก้าวล้ำสู่อนาคต

Advertisement

“จากปัญหาการระบาดของเชื้อโควิด-19 ปัญหาภาวะโลกร้อน อัตราส่วนประชากรโลกที่เป็นผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น พฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลง ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่อระบบการผลิตอาหาร ดังนั้น การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารทั้งด้านการบริการ การผลิต จึงเป็นเรื่องที่ NIA ให้ความสนใจและสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสนับสนุนเทคโนโลยีเชิงลึก หรือที่เป็นที่รู้จักทั่วไปว่า ‘ดีพเทค (Deeptech)’ ซึ่งขณะนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการทำธุรกิจนวัตกรรมหลายประเภทในประเทศไทย รวมทั้งยังเป็นเครื่องมือในการสร้างความแตกต่างให้กับผู้ประกอบการ สตาร์ตอัพ รวมถึงภาพลักษณ์ด้านนวัตกรรมของประเทศ”

คือมุมมองของ ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ซึ่งในช่วงระยะ 1-2 ปีที่ผ่านมาได้เร่งสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสมและเอื้อสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีเชิงลึกให้กับอุตสาหกรรมอาหารมากขึ้น เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสมดุลของจำนวนผู้เล่นในอุตสาหกรรมดังกล่าวที่มีเป็นจำนวนมาก แต่กลับมีสัดส่วนในการนำนวัตกรรมมาใช้เป็นจำนวนน้อย ตลอดจนสนับสนุนรูปแบบนวัตกรรมที่เกิดขึ้นใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นแนวทางที่สำคัญ ได้แก่ การส่งเสริมให้มีการสร้างสรรค์สินค้า หรือนวัตกรรมที่เป็นการบริการ การเป็นพี่เลี้ยงให้สตาร์ตอัพ การดึงสตาร์ตอัพด้านฟู้ดเทคต่างชาติเข้ามาจัดตั้งบริษัทในไทย รวมถึงความร่วมมือกับภาคเอกชนในการผลักดันกรุงเทพมหานครสู่ “Bangkok Food Tech Silicon Valley”

การส่งเสริมให้มีการสร้างสรรค์สินค้า หรือนวัตกรรมที่เป็นการบริการ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคและบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งการทำนวัตกรรมบริการถือเป็นตัวดึงดูดให้เกิดการร่วมทุน “ลงทุน รวมถึงเพิ่มทางเลือกในการแข่งขันที่ส่วนใหญ่มักจะมุ่งแข่งขันกันในด้านนวัตกรรมการผลิตเพียงอย่างเดียว และยังเป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยบริหารจัดการร้านอาหาร โรงงานผลิตให้ก้าวสู่ทิศทางที่ดีขึ้น

การเป็นพี่เลี้ยงให้สตาร์ตอัพผ่านโปรแกรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งในกระบวนการบ่มเพาะธุรกิจ (Incubator) โดยการให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่สตาร์ตอัพตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นไอเดียให้เกิดรูปแบบธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ และโครงการสนับสนุนเพื่อเร่งการเติบโตของสตาร์ตอัพ เพื่อเพิ่มมูลค่าธุรกิจที่มีอยู่แล้ว ซึ่งทั้งสองแนวทางนี้จะทำให้สตาร์ตอัพไทยเติบโตในตลาดอาหารได้เร็วยิ่งขึ้น

การดึงสตาร์ตอัพด้านฟู้ดเทคต่างชาติเข้ามารับเงินทุนจากบริษัทอุตสาหกรรมด้านอาหารของไทย พร้อมตั้งบริษัทในกรุงเทพมหานครและจดทะเบียนเป็นบริษัทไทย เพื่อให้ผู้ประกอบการและสตาร์ตอัพไทยที่ต้องการใช้เทคโนโลยีเชิงลึก เกิดการเรียนรู้โมเดลธุรกิจที่มีความเป็นสากล พร้อมแลกเปลี่ยนเทคนิค” องค์ความรู้ด้านนวัตกรรมที่สำคัญที่จะนำไปใช้ในทางธุรกิจ

ความร่วมมือกับภาคเอกชนในการผลักดันกรุงเทพมหานครสู่ “Bangkok FoodTech Silicon Valley” ซึ่งเป็นแนวทางในการสร้างการรับรู้ด้านอัตลักษณ์ทางนวัตกรรมอาหารที่สำคัญนอกเหนือจากการเป็นสตรีทฟู้ด และดึงดูดให้เกิดการใช้ประโยชน์ในเชิงพื้นที่เพื่อการลงทุนในระยะยาว เหล่านี้คือแนวทางที่ ดร.พันธุ์อาจ อธิบายไม่เพียงเท่านั้น ยังเผยถึงโอกาสการพัฒนาเทคโนโลยีเชิงลึกในธุรกิจอาหารที่สามารถสร้างมูลค่าและการเติบโตหลังเปิดประเทศใน 9 ด้าน เช่น Restaurant Tech (เทคโนโลยีการบริหารจัดการร้านอาหาร) Alternative Proteins (การผลิตโปรตีนทางเลือก) และ Health & Wellness (การพัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพ) เป็นต้น

ผอ.NIA วิเคราะห์ต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าในช่วงการระบาดของโควิด อุตสาหกรรมอาหารได้รับผลกระทบไม่มากนัก ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ให้เห็นว่าไทยในฐานะผู้นำด้านอุตสาหกรรมอาหารของโลกยังมีโอกาสที่จะเพิ่มมูลค่าและผลักดันอุตสาหกรรมนี้ให้เติบโตขึ้นได้ โดยเฉพาะในช่วงใกล้ เปิดประเทศ ที่คาดว่าความต้องการอาหารจะยังคงเพิ่มสูงขึ้น NIA จึงได้วิเคราะห์โอกาสการเติบโตของการพัฒนาเทคโนโลยีเชิงลึกในธุรกิจอาหารใน 9 รูปแบบ ได้แก่

การพัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพ (Health & Wellness) ที่ตอบโจทย์กระแสความต้องการอาหารปลอดภัยของผู้บริโภคทั่วโลก การผลิตโปรตีนทางเลือก (Alternative Proteins) มาทดแทนเนื้อสัตว์ เช่น โปรตีนจากพืช แมลง หรือสาหร่าย การพัฒนาบรรจุภัณฑ์แห่งอนาคต (Packaging Solutions) ที่เป็นมากกว่าการป้องกันอาหาร หรือความสวยงาม แต่บรรจุภัณฑ์นั้นจะต้องมีฟังก์ชั่นที่หลากหลาย เช่น ยืดอายุอาหารให้เก็บได้นานขึ้น เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

การคิดค้นส่วนผสมและสูตรอาหารใหม่ (Novel Food & Ingredients) ด้วยกระบวนการผลิตด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้ได้รสชาติที่แปลกใหม่ ตลอดจนการดึงคุณค่าจากส่วนผสมของอาหารเพื่อคุณประโยชน์ในการบริโภคที่มากขึ้น การพัฒนาวัสดุชีวภาพและสารเคมี (Biomaterials & Chemicals) ที่ไม่เป็นอันตรายในกระบวนการผลิตอาหารของกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม เทคโนโลยีการบริหารจัดการร้านอาหาร (Restaurant Tech) เพื่อสร้างระบบบริการที่ดีมากยิ่งขึ้น เช่น การสร้างประสบการณ์ในการบริโภคอาหารให้ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม การจัดการอาหารเหลือทิ้ง

บริการอัจฉริยะด้านอาหาร (Smart Food Services) ที่ตอบโจทย์กับวิถีชีวิตใหม่ๆ รวมถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาจัดการตั้งแต่กระบวนการสรรหาวัตถุดิบ การขนส่ง และการปรุง การตรวจสอบควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร (Food Safety & Quality) เพื่อบริหารจัดการให้อาหารและสินค้าเกษตรที่นำมาเป็นอาหารบริโภคสำหรับมนุษย์มีความปลอดภัย มีคุณภาพผ่านกระบวนการควบคุมด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง และ กระบวนการผลิตอาหารอัจฉริยะ (Smart Manufacturing) ที่เกิดจากการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรม นำไปสู่ระบบการตรวจสอบ ประมวลผล ติดตามในกระบวนการทำงานของอุตสาหกรรมอาหาร

นับเป็นประเด็นที่น่าติดตามและปรับตัวตามโลกที่เปลี่ยนผันอย่างว่องไวอย่างไม่ทันคาดคิด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image