ขรรค์ชัย-สุจิตต์ ‘คอลเอาต์’ ประวัติศาสตร์ชาติไทย ทวงเรื่องจริง ไม่เอานิยาย!

ขรรค์ชัย-สุจิตต์ ‘คอลเอาต์’ ประวัติศาสตร์ชาติไทย ทวงเรื่องจริง ไม่เอานิยาย!
รายการขรรค์ชัย-สุจิตต์ ทอดน่องท่องเที่ยว เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กมติชนออนไลน์, ข่าวสด, ศิลปวัฒนธรรม และยูทูป มติชนทีวี ทุกพฤหัสบดีสุดท้ายของเดือน ดำเนินรายการโดย เอกภัทร์ เชิดธรรมธร

ท่ามกลางบรรยากาศการ ‘คอลเอาต์’ ของเหล่าคนรุ่นใหม่ ศิลปิน นักร้อง ดารา ในประเด็นทวงวัคซีนจากภาครัฐ กระทั่งเจอหมายเรียกกันเป็นว่าเล่น

ตัดภาพมายังอดีตสองกุมารสยาม คนรุ่นใหม่เมื่อหลายทศวรรษก่อน อย่าง ขรรค์ชัย บุนปาน ประธานกรรมการบริษัทมติชน จำกัด (มหาชน) และ สุจิตต์ วงษ์เทศ คอลัมนิสต์ฝีปากกล้ามาก ก็ออกมา ‘คอลเอาต์’ ในประเด็นถนัดดังเช่นประวัติศาสตร์ชาติไทย ผ่านรายการ ‘ขรรค์ชัย-สุจิตต์ ทอดน่องท่องเที่ยว’ เป็นประจำทุกเดือน

ปลดแอกชาติ จากศักดินา-(ราชา)ชาตินิยม โดย ฐนพงศ์ ลือขจรชัย

ยังไม่นับการคอลเอาต์ผ่านกลอนหน้า 3 ทุกฉบับวันอาทิตย์ใน ‘มติชนรายวัน’ ที่ทุกเจเนอเรชั่นแชร์สนั่นโลกออนไลน์

สำหรับตอนล่าสุด ‘ชาติที่ต้องปลดแอก ประวัติศาสตร์ชาติไทย นิยายการเมือง’ แม้ไม่ได้ทอดน่องนอกสถานที่ เพราะเจอศึกหนักอย่างไวรัสโควิด-19 ทว่า ขรรค์ชัย-สุจิตต์ จูงมือแฟนคลับเดินทางย้อนไปในไทม์ไลน์ของนิยามคำว่า ‘ชาติ’ ซึ่งมีที่มาจากซีกโลกตะวันตกก่อนทอดน่องมาถึงสยามในสมัยรัชกาลที่ 5 กระทั่งเกิดการช่วงชิงความหมายอย่างมีนัยสำคัญ

Advertisement

‘นิยาย’ ในนาม ‘ประวัติศาสตร์ชาติไทย’ ถือกำเนิดให้อ่าน ท่อง เรียน สอบ และผลิตซ้ำจนกลายเป็นความทรงจำที่ 2 วิทยากรอาวุโสต้องออกมาทวงคืนข้อเท็จจริงสู่สังคมไทย

ขรรค์ชัย บุนปาน และสุจิตต์ วงษ์เทศ ร่วมคอลเอาต์ประวัติศาสตร์ชาติไทยฉบับข้อเท็จจริง ไม่ใช่นิยายการเมือง

คนละ ‘ชาติ’ เดียวกัน ‘จินตนาการ’ ที่ถูก ‘ช่วงชิง’
“เริ่มต้นต้องปลดแอกก่อน ถ้าไม่ปลดแอกแล้วมันจะยุ่ง จะเข้าใจชาติไปคนละชาติสองชาติ ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน เดิมทีเมื่อชาติถูกสร้างขึ้นมา มันก็อยู่ของมันดีๆ แต่ถูกฉ้อฉล ช่วงชิงไปอยู่ใต้อำนาจของคนไม่ชอบธรรมที่เขามีปืน มีรถถัง ซึ่งเป็นคนกลุ่มเล็กๆ ในสังคม มากดทับคนส่วนใหญ่ เลยเกิดปัญหาจนทุกวันนี้”

สุจิตต์ แซ่บตั้งแต่ประโยคเปิด ก่อนไม่รอช้า โยงถึงประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ตัวเองและ ขรรค์ชัย ร่ำเรียนมาพร้อมๆ กันตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษา

“ประวัติศาสตร์ชาติไทยทั้งหมดที่คุณเรียน คุณอ่านกันมา ใช้งานกันมาตั้งแต่คุณขรรค์ชัยกับผมยังไม่เกิด ประวัติศาสตร์ชาติไทยมันมีแล้ว เกิดมาก็ต้องเรียนในสิ่งที่เขาเอามาให้เรียน ให้ท่องจำ ผมก็ท่องชิบหาย คุณขรรค์ชัยก็ท่อง เพราะเขาสั่งให้ท่อง”

จากนั้น ตามมาด้วยคำสารภาพที่ว่า ได้อ่านผลงานใหม่ของ สำนักพิมพ์มติชน แล้วสนุกมาก นั่นคือ ปลดแอกชาติ จากศักดินา-(ราชา)ชาตินิยม โดย ฐนพงศ์ ลือขจรชัย ซึ่งเผยข้อมูลให้เห็นกระจ่างชัดว่า ในสมัยพระเจ้าเหา ยังไม่มีชาติ เป็นสำนึกใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยเงื่อนไขมากมายก่ายกอง โดยเป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นทางยุโรปก่อน แล้วจึงค่อยแพร่มาถึงสยาม

“นักวิชาการทั่วโลกเขารู้กันว่าชาติ เพิ่งเกิดราว พ.ศ.2300-2400 ไม่เก่ากว่านั้น อาจารย์เบน แอนเดอร์สัน
นักปราชญ์ร่วมสมัย ผู้ล่วงลับ บอกว่าชาติ เป็นชุมชนจินตกรรม หมายความว่า ไม่มีจริง แต่เกิดจากจินตนาการ ถูกสร้างขึ้นโดยความคิด เพราะฉะนั้นแต่ละชาติ แต่ละกลุ่มที่จินตนาการขึ้นมา มันย่อมแตกต่างกัน ถ้าคนจินตนาการเรื่องชาติถือปืน ชาติก็มีปืนเต็มไปหมด จะซื้อปืน ซื้อเรือดำน้ำตามใจ” สุจิตต์กรีด 1 แผลด้วยประโยคท้ายสุด

เนชั่น-เดมอคเครซี่ เมื่อสยามรู้จักชาติผ่าน ‘ฝรั่ง’
อดีตสองกุมารสยามยังร่วมกันเล่าถึงความเป็นมาของแนวคิดเรื่องชาติจากฝั่งตะวันตกที่มาพร้อมสงครามล่าอาณานิคม พร้อมเทียบไทม์ไลน์ให้เข้าใจอย่างง่ายดายว่าเป็นยุคร่วมสมัยกับช่วงเวลาที่ สุนทรภู่แต่งพระอภัยมณี

“แต่ตอนนั้น สุนทรภู่ยังไม่รู้จักชาติ เพราะเรือฝรั่งยังมาไม่ถึง” ขรรค์ชัย-สุจิตต์ปล่อยมุขชวนขำขึ้นพร้อมกัน

สรุปแล้ว เรือฝรั่งพาแนวคิดเรื่องชาติมาถึงสยามในสมัยรัชกาลที่ 5

“รัชกาลที่ 5 ทรงเริ่มมีพระราชกระแสเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติ มีการก่อตั้งโบราณคดีสโมสร เมื่อ พ.ศ.2451 พูดถึงว่าแผ่นดินสยามมีเมืองโบราณตรงไหนบ้าง ไม่ว่าจะเป็นนครชัยศรี นครศรีธรรมราช อโยธยา เมืองเหนือ เมืองใต้ต่างๆ นานา โดยไม่ได้นับหนึ่งที่สุโขทัย เพราะฉะนั้นต้องทำความเข้าใจกันให้ชัดว่าในสมัยรัชกาลที่ 5 คำว่าชาติเพิ่งเริ่มก่อตัว คนสมัยนั้นรู้จักชาติผ่านฝรั่ง ฝรั่งบอกมีชาติ มีเนชั่นนะ ความหมาย
ของชาติทางตะวันตก หมายถึงประชาชน ประชาราษฎรโดยรูปศัพท์ภาษา อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงสยาม ชาติถูกแปลงไปว่าหมายถึงอันโน้น อันนี้ อันนั้น

ต่อมา ในสมัยรัชกาลที่ 6 เริ่มมีธงชาติ คำว่าชาติ ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้น เอามาแทนธงช้าง แต่เพลงชาติยังไม่มี

ในขณะเดียวกัน ประเด็นเรื่องประชาธิปไตย ก็มีการพูดกันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 พอถึงสมัยรัชกาลที่ 6 มีการพูดถึงชาติที่เป็นเดมอคเครซี่ มีประชาธิปไตย เริ่มมีการเรียกร้อง เกิดกบฏ รศ.130 มีนายทหารหนุ่มกลุ่มหนึ่งเรียกร้องให้มีการปกครองระบอบใหม่ เรียกร้องคำว่าชาติที่หมายถึงราษฎร เพราะฉะนั้น ไม่ใช่อยู่ๆ จะมาเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 แต่มีมาก่อน” สุจิตต์-ขรรค์ชัย ร่ายยาวไม่หยุดพัก แล้วขมวดว่าทั้งหมดนี้ เกิดการให้นิยมคำว่าชาติตามขั้นตอน ตามลำดับ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ. 2475 ชาติ จึงหมายถึงประชาชาติ ราษฎรหลากหลายในทุกท้องถิ่นเช่นเดียวกับสากล

คลั่งชาติ สถาปนา ‘มหาอาณาจักรไทย’ เมื่อ ‘ปรีดี’ คือเสียงข้างน้อย
อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ นั่นคือการเปลี่ยนชื่อประเทศ จากสยามเป็น ‘ไทย’ เมื่อกว่า 80 ปีก่อน รวมถึงเนื้อหาในเพลงชาติไทยเวอร์ชั่นปัจจุบัน

ขรรค์ชัย-สุจิตต์ ขีดเส้นใต้ ‘คำร้อง’ ในท่อน ‘ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย’ แล้วอธิบายว่า นี่คือปัญหา เพราะเชื้อชาติไทยไม่มีจริง!

“ไทยก็คือลูกผสมจากคนหลากหลายร้อยพ่อพันแม่ ลัทธิคลั่งชาติ คิดว่าตัวเองเป็นเชื้อชาติบริสุทธิ์ ผุดผ่อง ไม่เหมือนใครในโลก การเปลี่ยนชื่อประเทศจากสยามเป็นไทยนั้น อาจารย์ปรีดี พนมยงค์ เล่าว่าหลวงวิจิตรวาทการ ซึ่งตอนนั้นเป็นรัฐมนตรีลอย คือตั้งให้เป็นรัฐมนตรีแต่ไม่มีกระทรวงสังกัด ใขณะเดียวกันก็เป็นอธิบดีกรมศิลปากรคนแรกหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เดินทางไปฮานอย เวียดนาม เพื่อชมกิจการโบราณคดีของสำนักตะวันออกไกลของฝรั่งเศส ได้แผนที่ฉบับหนึ่งซึ่งสำนักฝรั่งเศสฯ จัดทำขึ้นเพื่อแสดงหลักแหล่งคนเชื้อชาติไทยมากมายหลายแห่งในอินโดจีน ต่อมา จอมพล ป.พิบูลสงครามเสนอคณะรัฐมนตรีเปลี่ยนชื่อประเทศสยามเป็นประเทศไทยโดยมอบให้หลวงวิจิตรฯ แถลงพร้อมแสดงแผนที่หลักแหล่งของชนชาติไทย เพื่อสถาปนามหาอาณาจักรไทย

หลวงวิจิตรวาทการ หวังไทยเป็น ‘มหาประเทศ’ มีอาณาเขต 9 ล้าน ตร.กม. (ภาพแผนที่ในยุคศตวรรษที่ 18 โดย Jacques Bellin นักทำแผนที่ชาวฝรั่งเศส แสดงที่ตั้งของพะโค, อังวะ และอาระกัน รวมถึงสยาม กัมพูชา และตังเกี๋ย)

อาจารย์ปรีดี ซึ่งขณะนั้นเป็นรัฐมนตรีคลัง เป็นฝ่ายข้างน้อย คัดค้าน แต่แพ้ ต่อมา สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบ แล้วตราเป็นรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมประกาศเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2482 ให้เปลี่ยนชื่อประเทศสยามเป็นไทย”

‘วันชาติ’ ถูกบังคับสูญหาย กรมศิลป์ก็ตอบไม่ได้ ธงชาติคณะราษฎรอยู่ไหน?
จากภาพกว้างอย่างชื่อประเทศ ยังมีประเด็นน่าสนใจในไทม์ไลน์ประวัติศาสตร์ชาติ อย่างการถอด ‘วันชาติ’ 24 มิถุนายนของทุกปี รำลึกการอภิวัฒน์สยาม ให้เหลือเพียงความทรงจำเลือนราง

“ในอดีต 24 มิถุนา เคยเป็นวันชาติ ผมกับคุณขรรค์ชัยเคยฉลองวันชาติมาก่อนแล้ว มันเป็นวันหยุดโรงเรียน สมัยเรียนมัธยม ไม่กี่ปีจอมพลสฤษดิ์ก็มาปฏิวัติ ประกาศยกเลิกวันชาติ 24 มิถุนา เมื่อ พ.ศ.2503” สุจิตต์เล่าถึงบรรยากาศวัยเยาว์แล้วต่อด้วยประเด็นการถูกบังคับสูญหายที่ไม่ใช่แค่วันชาติ

“เมื่อหลวงวิจิตรวาทการเป็นอธิบดีกรมศิลปากรหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จัดนิทรรศการ ซึ่งแม้เป็นแบบอาณานิคมเน้นประวัติศาสตร์ศิลปะเต็มไปด้วยของสวยงามเป็นหลัก แต่อย่างน้อยเคยจัดแสดงธงชาติผืนแรกที่คณะราษฎรชักสู่ยอดเสา เมื่อเช้าตรู่ 24 มิถุนายน 2475 นอกจากนี้ ยังมีข้าวของเครื่องใช้ในการเปลี่ยนแปลงการปกครองพบหลักฐานในสมุดมัคคุเทศก์นำชมหอสมุดวชิรญาณและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ.2491 แต่เมื่อพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติมีการจัดแสดงใหม่ทั้งหมดใน พ.ศ.2510 สิ่งเหล่านี้ถูกบังคับสูญหาย ทุกวันนี้ยังหาไม่เจอ กรมศิลปากรก็ตอบไม่ได้ ใครรู้ช่วยหาคำตอบให้ด้วย ข้อมูลนี้ได้มาจากบทความของ อาจารย์สุดแดน วิสุทธิลักษณ์ อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ ตีพิมพ์ในวารสารเมืองโบราณ” อดีตสองกุมารสยามร่วมกันนำเสนอ ก่อนย้ำว่า

“อย่าว่าแต่ธง คนก็ถูกบังคับให้สูญหายได้ง่ายๆ โดนกระทำย่ำยี นิยามคำว่าชาติ ถูกยัดเยียดให้เป็นไปตามความต้องการของผู้มีอำนาจ ของคนถือปืน ขับรถถัง ถูกยัดเยียดเข้าไปในทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งในประวัติศาสตร์ชาติไทย นี่คือปัญหาใหญ่ ประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ใช้อยู่ในโรงเรียน จากประถมถึงมหาวิทยาลัยถูกแต่งขึ้นตามนิยามคำว่าชาติตามความหมายที่ชนชั้นนำต้องการ เพราะฉะนั้นประวัติศาสตร์ชาติไทย จึงไม่ถูกสร้างขึ้นมาจากหลักฐานประวัติศาสตร์โบราณคดี”

โกหกตัวเอง เชื่อนิยาย ประวัติศาสตร์ไทยต้องเคลียร์!
ไม่ได้พูดลอยๆ สำหรับประโยคสุดท้ายของย่อหน้าที่แล้ว ขรรค์ชัย-สุจิตต์ โชว์หลักฐานใต้ฉากอลังการของละคร ‘อานุภาพพ่อขุนรามคำแหง’ แสดงที่หอประชุมกระทรวงวัฒนธรรม สนามเสือป่า ประเด็นสำคัญคือเพลงประวัติศาสตร์ซึ่งหลวงวิจิตรวาทการ อธิบดีกรมศิลปากรแต่งไว้เมื่อ พ.ศ.2482 ปีเดียวกับเหตุการณ์เปลี่ยนชื่อประเทศจากสยามเป็นไทย

เนื้อเพลงยาวมาก คัดแบบย่อมาให้พิจารณาตอนหนึ่งว่า

‘ชาติเรามีสมัญญาว่าชาติไทย                  เป็นชาติใหญ่แต่โบราณนานนักหนา
ภูมิลำเนาของเราแต่ก่อนมา                    อยู่ท่ามกลางพสุธาของเอเซีย
เมื่อชาติจีนรุกร้นร่นทางใต้                      เข้าแย่งไทยทำกินถิ่นก็เสีย
จีนไล่ไทยเหมือนไฟไหม้ลามเลีย              ไทยต้องเสียดินแดนแคว้นโบราณ
ถูกแย่งที่หนีร่นลงทางใต้                        ไทยมาตั้งเมืองใหม่อย่างไพศาล
ชื่อนานเจ้าอยู่ไปไม่ได้นาน                      จีนก็ตามรุกรานถึงธานินทร์
เมื่อถูกรุกสุดสู้อยู่ไม่ได้                           ไทยต้องแตกแยกกันไปหลายวิถี
ไทยอีสานเลื่อนลงโขงนที                        ไทยใหญ่หนีร่นลงมาอยู่สาละวิน
พวกไทยน้อยพลอยเลื่อนเคลื่อนลงมา       อยู่แม่น้ำทั้งห้าทางทักษิณ
คือปิงน่านยมวังตั้งทำกิน                         พวกไทยกลางยึดถิ่นเจ้าพระยา’

สุจิตต์ ย้ำว่า ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นนิยาย !

“เห็นหรือยัง อิทธิพลคำว่าชาติ นี่หลวงวิจิตรฯ อธิบดีกรมศิลป์แต่งเอง เพราะฉะนั้นรักชาติฉิบหาย ประวัติศาสตร์ไทยถูกแต่งขึ้นมาอย่างนี้ ผมถึงบอกว่ามันเป็นนิยายการเมือง ไม่ใช่หลักฐานประวัติศาสตร์ เป็นเท็จทั้งหมด จึงต้องปลดแอกคำนิยามเกี่ยวกับชาติ สมัยอยุธยา สุโขทัยไม่มีชาติ ไม่มีธงชาติ ไม่มีเพลงชาติ คุณจะมาเอาอะไรกับความเป็นเชื้อชาติไทยในสมัยนั้น สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็ทรงอธิบายไว้แล้วในหนังสือเที่ยวเมืองพม่า ว่า คำว่าไทยรบพม่า ไม่ได้หมายความว่า ประเทศไทบรบกับประเทศพม่า แต่เป็นเรื่องของกรุงหงสาวดี กรุงอังวะ รบกับกรุงศรีอยุธยา กษัตริย์รบกัน ไม่ได้เกี่ยวกับประชาชนคนไทย คนพม่า ปัญหาเรื่องเขตแดนก็ไม่มี ความเป็นไทย เพิ่งเริ่มมีสมัยอยุธยา ไปดูหลักฐานเลยว่า เหนือสุดแค่อุตรดิตถ์ ใต้สุดแค่เพชรบุรี อย่างดีก็มีเครือญาติถึงนครศรีธรรมราช ถามว่าถึงปัตตานีไหม ? ไม่ถึง! ถึงเชียงใหม่ไหม? ไม่ถึง! ถึงอีสานหรือเปล่า ได้แค่โคราช นอกนั้นไม่ถึง!”

ชัดเจน ไม่ต้องตีความ ก่อนย้ำอีกทีในช่วงท้ายรายการว่า ชาติในขบวนการชาตินิยม เอื้อต่อระบอบเผด็จการทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเผด็จการทหาร แต่ไม่เอื้อต่อแนวคิดเสรีนิยม และประชาธิปไตย

“ชาติที่ต้องปลดแอก ผมหมายความถึงนิยามความเป็นชาติที่ถูกชวงชิงฉ้อฉล กลายเป็นคนละเรื่องกับโลกสากล ถ้าไม่เคลียร์ประเด็นนี้ แม้กระทั่งประวัติศาสตร์ชาติไทย ก็เสียหาย กลายเป็นนิยาย พูดกันไปโดยไม่ได้ยืนอยู่บนหลักฐานของความเป็นจริง

เราก็หลอกตัวเอง โกหกตัวเองไปวันๆ เสริมอำนาจเผด็จการให้หนักแน่นมากขึ้น”

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image