ยอดตั้งบริษัทใหม่ มิ.ย.กว่า6พันราย ทุนน้อยแห่เปิดธุรกิจขนส่งสินค้า

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า เดือนมิถุนายน 2564 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ จำนวน 6,093 ราย มีมูลค่า 20,921.90 ล้านบาท ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 649 ราย คิดเป็น 11% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 301 ราย คิดเป็น 5% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึง คนโดยสาร 240 ราย คิดเป็น 4% โดยช่วงทุนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท 4,497 ราย คิดเป็น 73.81% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท 1,489 ราย คิดเป็น 24.44% ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท 86 ราย คิดเป็น 1.41% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท 21 ราย คิดเป็น 0.34%

ส่วน ธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนมิถุนายน 2264 มีจำนวน 1,048 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียน 3,145.81 ล้านบาท ประเภทธุรกิจเลิกสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 74 ราย คิดเป็น 7% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 73 ราย คิดเป็น 7% และธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการ 39 ราย คิดเป็น 4%   ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท 721 ราย คิดเป็น 68.80% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5  ล้านบาท 272 ราย คิดเป็น 25.95% ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท 51 ราย คิดเป็น 4.87% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท 4 ราย คิดเป็น 0.38%

ทำให้ธุรกิจจัดตั้งใหม่ครึ่งปีแรก 2564 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่  จำนวน 41,022 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียน 133,208.18 ล้านบาท ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 3,539 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 1,844 ราย คิดเป็น 5% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึง คนโดยสาร 1,132 ราย คิดเป็น 3%  ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท 31,380 ราย คิดเป็น 76.50% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท 8,976 ราย คิดเป็น 21.88% ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท 592 ราย คิดเป็น 1.44% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท 74 ราย คิดเป็น 0.18%

สำหรับธุรกิจเลิกประกอบกิจการครึ่งปีแรก 2564 มีจำนวน 4,930 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียน 30,458.90 ล้านบาท ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 3,539 ราย  คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 1,844 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึง คนโดยสาร 1,132 ราย คิดเป็น 3% ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุนมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท 3,423 ราย คิดเป็น 65.43% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท 1,252 ราย คิดเป็น 25.40% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท  222 ราย คิดเป็น 4.50% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท 33 ราย คิดเป็น 0.67%

Advertisement

จึงทำให้ ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนมิถุนายน 2564 ทั่วประเทศ มีจำนวน 803,794 ราย  มูลค่าทุน 19.59 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 196,631 ราย คิดเป็น 24.46% บริษัทจำกัด605,864 ราย คิดเป็น 73.38% และบริษัทมหาชนจำกัด 1,299 ราย คิดเป็น 0.16% ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน ไม่เกิน 1

ล้านบาท จำนวน 477,103 ราย คิดเป็น 59.36% รวมมูลค่าทุน 0.42 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.14% รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท 236,695 ราย คิดเป็น 29.45% รวมมูลค่าทุน 0.79 ล้านล้านบาท คิดเป็น 4.04% ช่วงถัดไปคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท 73,634 ราย คิดเป็น 9.16% รวมมูลค่าทุน 2.01 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10.25%  และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท 16,362 ราย คิดเป็น 2.03% รวมมูลค่าทุน 16.37 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83.57%

นายทศพล  กล่าวต่อว่า การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว เดือนมิถุนายน 2564 ได้อนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจจำนวน 47 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 13 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 34 ราย มีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 4,889 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ อเมริกา 13 ราย เงินลงทุน 221 ล้านบาทรองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ 10 ราย เงินลงทุน 807 ล้านบาท และญี่ปุ่น 8 ราย เงินลงทุน 2,041   ล้านบาท  โดย 6 เดือนแรกปีนี้ คนต่างชาติได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจรวม 264 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 40,322 ล้านบาท

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image