สขค. หนุนพยุงสภาพคล่องเอสเอ็มอี ผ่านมาตรการเครดิตเทอม บังคับใช้ธันวาคมนี้

นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ กรรมการการแข่งขันทางการค้า และโฆษกคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เปิดเผยว่า หลังจากสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สขค.) เปิดการรับฟังความคิดเห็นต่อร่างประกาศแนวทางในการพิจารณากำหนดมาตรฐานระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (Credit term) เนื่องมาจากปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้ประกอบธุรกิจขนาดใหญ่กับผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในช่วงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ล่าสุดมีความคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว ซึ่ง สขค.ได้ออกประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง แนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่เป็นธรรมเกี่ยวกับระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า กรณีผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นผู้ขายสินค้าหรือบริการ โดยจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับแต่วันถัดจากวันประกาศในประกาศราชกิจจานุเบกษา เริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 16 ธันวาคม 2564

ทั้งนี้ สาระสำคัญของประกาศดังกล่าวครอบคลุมประเด็นทั้งในด้านเนื้อหาและกระบวนการ ตั้งแต่นิยามของผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอี นิยามสินเชื่อการค้า พร้อมทั้งกำหนดระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้าสำหรับภาคการค้า การผลิต และภาคบริการ ไว้ไม่เกิน 45 วัน สำหรับภาคการเกษตรหรือผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรแปรรูปขั้นต้นที่มีกระบวนการผลิตไม่ซับซ้อน กำหนดไว้ไม่เกิน 30 วัน หรืออาจกำหนดระยะเวลาเป็นระยะเวลาอื่นได้ แต่ต้องมีเหตุผลอันสมควรที่สามารถรับฟังได้ รวมถึงกำหนดให้มีการแสดงขั้นตอนการจ่ายเงินตามแนวทางการค้าปกติให้ชัดเจนระหว่างผู้ประกอบธุรกิจซึ่งเป็นคู่ค้ากับเอสเอ็มอี รวมทั้งเอสเอ็มอีต้องแสดงเอกสารหลักฐานแสดงจำนวนการจ้างงาน หรือเอกสารแสดงรายได้เพื่อยืนยันสถานะการเป็นผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้คู่ค้าทราบ นอกจากนี้ ยังกำหนดประเด็นเรื่องการนับระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้าที่จะต้องเริ่มต้นนับตั้งแต่วันส่งมอบสินค้าหรือให้บริการที่มีความถูกต้องครบถ้วน หรือในกรณีฝากขาย ต้องนับระยะเวลาตั้งแต่วันที่ขายสินค้าครบตามจำนวนหรืออัตราที่ตกลงกัน ซึ่งหากผู้ประกอบธุรกิจมีพฤติกรรมทางการค้าที่เข้าข่ายเป็นการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 จะมีโทษความผิดทางปกครองในอัตราค่าปรับไม่เกิน 10% ของรายได้ในปีที่กระทำความผิด

“การออกประกาศเพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยคำนึงถึงการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นการใช้อำนาจต่อรองที่เหนือกว่าเป็นอีกหนึ่งกลไกที่จะช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้ประกอบธุรกิจ SMEs และผู้ประกอบธุรกิจขนาดใหญ่ อันนำไปสู่การสร้างความสมดุลในการดำเนินธุรกิจ และเป็นการสร้างบรรทัดฐานในการปฏิบัติทางการค้าที่ชัดเจนและเป็นธรรม อีกทั้งยังช่วยให้กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจ SMEs ได้มีโอกาสในการพัฒนาต่อยอดธุรกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับผู้ประกอบธุรกิจรายใหญ่ได้อย่างเท่าเทียม นับเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าสู่ตลาดของผู้ประกอบธุรกิจรายใหม่ต่อไป” นายสันติชัยกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image