สธ.ชี้เดลต้าเก่งขึ้น 3 เท่า แพร่เชื้อโควิดเร็ว-ง่าย
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการคาดการณ์ผลลัพธ์ของการล็อกดาวน์ 29 จังหวัด ระหว่างแถลงผลการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในประเทศไทย และวิเคราะห์สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก ว่าไทยใช้เวลาเรื่องการล็อกดาวน์มาระยะหนึ่งแล้ว ถ้าต้องเพิ่มระยะเวลาจากนี้ต้องร่วมมือกันทำให้การแพร่เชื้อให้น้อยลงมากที่สุด ดังนั้น อยากให้ประชาชนวางแผนให้ดี ออกจากบ้านน้อยที่สุด สำหรับคนทำงานออฟฟิศ หน่วยงานรัฐและเอกชน นโยบายชัดเจนว่าให้ทำงานที่บ้าน (เวิร์กฟรอมโฮม) 100% หรือมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
นพ.โสภณกล่าวว่า สำหรับคนที่ไม่ได้ทำงานออฟฟิศ เป็นผู้ทำงานอิสระทั่วไป อยากให้วางแผนการเดินทางให้น้อยลงที่สุดเช่นกัน เช่น จากเดิมไปตลาดสัปดาห์ละหลายครั้ง ก็วางแผนเพื่อลดการเดินทางไปเหลือสัปดาห์ละครั้ง โดยวางแผนการซื้ออาหารต่างๆ เพิ่มเติมเพื่อเจอผู้คนน้อยลง และขณะเดียวกันก็ไม่ให้มีผลกระทบเรื่องการอุปโภคบริโภค กิจกรรมที่ทำทางออนไลน์ได้ เจอผู้คนน้อยลงสมควรที่จะทำ เพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อในพื้นที่สาธารณะ เพราะโอกาสแพร่เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้ามีความเร็วขึ้นและติดง่ายขึ้น
นพ.โสภณกล่าวว่า ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐ สายพันธุ์เดลต้า 1 คน ติดได้ 8 คน จากเดิมติดได้แค่ 3 คน ถือว่าเชื้อไวรัสเก่งขึ้น 3 เท่า ต้องเข้มงวดลดโอกาสแพร่เชื้อ คือ ต้องไม่รวมตัวกัน ลดเสี่ยงด้วยการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ ทำอย่างเข้มข้นในช่วงนี้
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ของไทยในปัจจุบันยังพบผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น และมากกว่าผู้หายป่วย ตัวเลขสถานการณ์จริงทั้งการติดเชื้อและเสียชีวิตใกล้เคียงตัวเลขคาดการณ์ประสิทธิภาพการล็อกดาวน์ ร้อยละ 20 หากเพิ่มประสิทธิภาพการล็อกดาวน์เป็นร้อยละ 25 ร่วมกับการฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง จะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลดลงค่อนข้างมาก ดังนั้น การเพิ่มประสิทธิภาพอีกร้อยละ 5 ก็จะมีผลอย่างมาก จึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วนช่วยกันล็อกดาวน์ให้ถึงร้อยละ 25 ทั้งเรื่องของงดการเดินทาง การไปพบปะ การดูแลตนเองเข้มขึ้น ขณะนี้เตียงผู้ป่วยเต็มเกือบทั้งหมดแล้วทั้งภาครัฐและภาคเอกชน