สนค. รับลูก“จุรินทร์”สั่งขับเคลื่อนไทย เป็นเจ้าภาพประชุมเอเปค

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)ล่าสุด ปี 2562 ประเทศไทยมีจำนวนวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) รวมกว่า 3 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วน 99.53% ของจำนวนวิสาหกิจทั้งหมด และก่อให้เกิดการจ้างงานมากถึง 69.48%  ของการจ้างงานในประเทศ และในจำนวนนี้ พบว่า เป็นผู้ประกอบการสตรีเป็นส่วนใหญ่ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสตรีในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และยังเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการสำรวจของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ที่มีจำนวน MSMEs คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 97%  ของธุรกิจทั้งหมด ครอบคลุมการจ้างงานมากกว่า 50%  และเป็นผู้ประกอบการสตรีเป็นส่วนมาก ที่เป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตและนวัตกรรมที่สำคัญในเอเปค

ทั้งนี้ จากการติดตามการส่งออกจากผู้ประกอบการ MSMEs และผู้ประกอบการสตรีดังกล่าว พบว่า มีไม่ถึง 35% อาจตีความได้ว่า MSMEs และผู้ประกอบการสตรี ยังไม่ได้รับประโยชน์จากความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่และไม่สามารถเข้าถึงห่วงโซ่คุณค่าโลกได้ และผลกระทบจากโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ยังส่งผลกระทบอย่างหนักหน่วงต่อทั้งผู้ประกอบการ MSMEs และสตรี โดยจากผลการสำรวจ MSMEs จำนวน 1,000 ราย ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ในปี 2563 พบว่ากว่า 75%  ต้องหยุดกิจการลง ทั้งจากมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับธุรกิจ โดยเฉพาะด้านเงินทุนและผลประกอบการ ขณะที่รายงานจากองค์การอ็อกแฟม ระบุว่า ในปีดังกล่าว สตรีทั่วโลกต้องสูญเสียรายได้มากกว่า 8 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทั้งหมดนี้นับเป็นความท้าทายเพิ่มเติมของนานาประเทศ รวมทั้งประเทศไทย   ที่จำเป็นต้องช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ประกอบการดังกล่าว ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในการพลิกฟื้นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้โลกการค้าปัจจุบัน

“การส่งเสริมและช่วยเหลือผู้ประกอบการ MSMEs และผู้ประกอบการสตรี เป็นหนึ่งในนโยบายที่นาย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้ความสำคัญ และต้องการให้ไทยเตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคในปี 2565 ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ และขับเคลื่อนนโยบาย มาตรการ และแผนงานโครงการต่าง ๆ ที่จะมีส่วนช่วยสนับสนุน MSMEs และผู้ประกอบการสตรี” นายภูสิต กล่าว

นายภูสิตกล่าวว่า ในกรอบเอเปค ได้ให้ความสำคัญกับ MSMEs และสตรีมาโดยตลอด ในการพัฒนาและสร้างขีดความสามารถของ MSMEs ด้านการค้าระหว่างประเทศ สำหรับประเทศไทยควรส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการ MSMEs ในด้านการเข้าถึงข้อมูลเพื่อตัดสินใจเชิงธุรกิจ การพัฒนาความสามารถทางดิจิทัล ตลอดจนการพัฒนาทักษะและความรู้ด้านการประกอบธุรกิจ เป็นต้น เพื่อให้กลุ่มผู้ประกอบการ MSMEs ได้เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าไทยต่อไป

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image