ศบค. แนะ แนวคิดกันโควิดครอบจักรวาล 10 ข้อ แจงเหตุผล ซื้อซิโนแวคเพิ่ม 12 ล้านโดส

ศบค. แนะ แนวคิดกันโควิดครอบจักรวาล 10 ข้อ แจงเหตุผล ซื้อซิโนแวคเพิ่ม 12 ล้านโดส

วันที่ 18 สิงหาคม พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เปิดเผยว่า สำหรับ 10 จังหวัดแรก ส่วนใหญ่ยังเป็นพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ได้แก่ 1. กทม. 4,154 ราย 2.สมุทรสาคร 1,820 ราย 3.สมุทรปราการ 1,335 ราย 4.ชลบุรี 1,206 ราย 5.นนทบุรี 756 ราย 6.นครราชสีมา 719 ราย 7.ฉะเชิงเทรา 632 ราย 8.ศรีษะเกษ 471 ราย 9. นครปฐม 468 ราย และ 10. พระนครศรีอยุธยา 437 ราย พบว่าหลักๆยังมีการแพ่กระจายในสถานประกอบการ ที่ทำงาน ทำให้มีผู้ติดเชื้อและไปแพร่สู่คนในครอบครัว และคนใกล้ชิดในชุมชน ดังนั้น จึของให้ทุกจังหวัด เร่งการค้นหาในเชิงรุกในชุมชน เพื่อลดอัตราตายและผู้ป่วยหนัก เช่นใน กทม.จะมีทีมเจ้าหน้า ที่ได้รับการอมรมลงพื้นที่เพื่อค้นและตรวจด้วย ชุดตรวจ เอทีเค

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า จึงทำให้มีแนวคิดเรื่องการแยกกักตัวในที่ทำงาน (company isolation) ซึ่งมีหลายฝ่ายถามเข้ามาถึงรายละเอียด และวิธีปฏิบัติ โดยหลักการคล้ายกับ การแยกกักตัวในโรงงานหรือชุมชน (community isolation) แต่ว่าเป็นการจัดเฉพาะส่วนของบริษัทซึ่งเป็นที่ทำงาน สถานที่จะทำเป็นที่แยกกัก ต้องมีความพร้อมดูแลบุคลากร หาที่พักค้างได้ จัดการเหมือนกับ การแยกักตัวในชุมชน ต้องมีการแจงให้ชุมชนรับทราบ มีการจัดการขยะ และสิ่งแวดล้อมต่างๆให้ปลอดภัย มีระบบดูแลพนักงานที่ติดเชื้อ มีการประสานภาครัฐ หรือโรงพยาบาลในการเฝ้าดูอาการ และขอแนะนำให้เตรียมการตั้งแต่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ เพื่อให้รับมือได้ทันเมื่อเกิดพบผู้ติดเชื้อได้

สำหรับ เรื่อง การป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention for Covid-19) สืบเนื่องจากบางกรณีที่ไม่สามารถหาได้ว่ามีการติดเชื้อจากที่ใด หรือจากใคร การกระจายของเชื้อในขณะนี้เป็นไปอย่างกว้างขวางทั้งในชุมชนและครอบครัว กระทรวงสาธารณสุข จึงได้เสนอ แนวคิดการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล สาระสำคัญ คือ เราะต้องอยู่กับโควิดให้ได้ เพราะโควิดต้องอยู่ไปอีกสักระยะหนึ่ง ดังนั้นจึงต้องปรับสมดุล ให้เข้าวิถีใหม่ โดย”ขอให้เราทุกคนคิดเสมอว่า คนทุกคนที่อยู่รอบตัวเรา ไม่ว่าจะสนิทแค่ไหน อาจเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 แฝงกันทั้งหมดและอาจแพร่เชื้อมาให้เราได้ เราจึงต้องป้องกันอย่างสุดความสามารถ ที่จะไม่ให้ตนเองไปรับเชื้อโควิด-19 หรือแพร่เชื้อโควิด-19 ให้ผู้อื่น”

ADVERTISMENT

หลักปฏิบัติของการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล
1. ออกจากบ้านเมื่อจําเป็นเท่านั้น
2. เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร ในทุกสถานที่
3. สวมหน้ากากอนามัยและทับด้วยหน้ากากผ้าตลอดเวลา ทั้งที่อยู่ในและนอกบ้านที่มีคนมากกว่า 2 คน
4. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือแจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง ก่อนรับประทานอาหาร หลังใช้ส้วม ไอจาม หรือสัมผัสวัตถุ/
สิ่งของ ที่ใช้ร่วมกัน
5. หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าที่สวมใส่อยู่ รวมทั้งใบหน้า ตา จมูก ปาก โดยไม่จําเป็น
6. ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปี และผู้มีโรคเรื้อรัง หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน เว้นแต่จําเป็น(น้อยครั้งและใช้เวลาสั้นที่สุด)
7. ทําความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวที่ถูกสัมผัสบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้หรือสิ่งแวดล้อมด้านกายภาพ
8. แยกของใช้ส่วนตัวทุกชนิด ไม่ควรใช้ของร่วมกับผู้อื่น
9. เลือกทานอาหารที่ร้อนหรือปรุกสุกใหม่ ควรทานอาหารแยกสํารับ หากทานร่วมกันให้ใช้ช้อนกลางส่วนตัว
10. หากสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยง เช่น สัมผัสผู้ที่อาจติดเชื้อ หรือมีอาการ ควรได้รับการตรวจด้วย ATK บ่อย ๆ เพื่อยืนยันว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ หรือไปรับการตรวจรักษาที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน

พญ.อภิสมัย กล่าวถึงกรณีจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคว่า การจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่ม 12 ล้านโดสนั้น มาจากความเห็นชอบของ ศบค. โดยยึดความเห็นของผู้เชี่ยวชาญทั้งในพื้นที่และโรงเรียนแพทย์ที่หลากหลายจากผลการศึกษาการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ ที่พบว่าบุคลากรทางการแพทย์ที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็มและมีการติดเชื้อหลัง 14 วันไปแล้วพบว่า จากรายงานประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันการติดเชื้อถึง 72% และป้องกันการเสียชีวิตและเจ็บป่วยรุนแรงสูงที่ 98%

ADVERTISMENT

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า รวมถึง ได้เปรียบเทียบกับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อหลังฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 1 เข็มนั้น พบมีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อมากถึง 88% แต่เมื่อมีการฉีดวัคซีนแบบผสมกัน ระหว่างซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้า พบว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อ รวมถึงการเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวตได้สูงมากขึ้น ดังนั้น ศบค.จึงเห็นชอบให้จัดซื้อซิโนแวคเพิ่มเติม

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า อีกเหตุผลหนึ่ง คือ จากเดิมที่เราวางแผนการฉีดวัคทั่วประเทศให้ได้ 100 ล้านโดส แผนเดิมที่วางไว้คือจะมีการเติมวัคซีนเข้ามา 2 ส่วน จากวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์สัน และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า คาดว่าจะได้รวมเดือนละ 10 ล้านโดส แต่วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันไม่สามารถจัดส่งวัคซีนให้ได้ในไตรมาส 4 ตามที่ตกลงกันไว้ จึงทำให้ต้องเปลี่ยนแผน เช่นเดียวกับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่สามารถจัดส่งเหลือเดือนละ 5-6 ล้านโดส ทำให้มีความสมเหตุสมผลจำเป็นที่จะต้องจัดหาวัคซีนซิโนแวคเข้ามาเสริมในส่วนที่ขาดหายไป

“รวมทั้งการศึกษาของดรงเรียนแพทย์ ทั้งจุฬา รามา ศิริราช ที่มีการระดมฉีดไขว้ ซิโนแวค-แอสตร้าเซนเนก้า ห่างกัน 3 สัปดาห์ แทนที่จะรอให้ฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็มห่างกัน 12 สัปดาห์ ก็พบว่ามีการช่วยให้ประสิทธิภาพของการป้องกันการติดเชื้อ ลดอัตราป่วยรุนแรง ลดอัตราเสียชีวิต ได้ รวมทั้งการระดมฉีดครอบคลุมประชากรจำนวนมากได้เป็นไปตามแผนของการกระจายวัคซีน” พญ.อภิสมัย กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image