รองผู้ว่าการฯ อ้าง “จาการ์ตา” ได้รับวัคซีนจนมี “ภูมิคุ้มกันหมู่” แล้ว นักวิชาการยัน “เข้าใจผิด”
รอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมนี้ว่า นายอาหมัด ริเซีย เปเทรีย รองผู้ว่าการกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซีย ประกาศว่า กรุงจาการ์ตา ฉีดวัคซีนได้จนถึงระดับที่มี เฮิร์ด อิมมูนิตี หรือ ภูมิคุ้มกันหมู่ แล้ว หลังจากยอดติดเชื้อลดลงจากกว่า 14,000 คนต่อวันเมื่อราวกลางเดือนกรกฎาคม เหลือเพียง 700 คนเศษในเวลานี้
“จาการ์ตา ย่างเข้าสู่การเป็น กรีนโซน และสามารถบรรลุถึงการมีภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว” นายอาหมัด กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยอ้างอิงถึงระดับของประชาชนที่ได้รับวัคซีนในเขตเมืองหลวง ซึ่งมีประชากรราว 54 เปอร์เซ็นต์ ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม และ ส่วนใหญ่ของประชากรเมืองหลวงได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งเข็มแล้ว
ในขณะที่ทั่วประเทศ มีประชากรเพียง 11 เปอร์เซ็นต์เศษเท่านั้นที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม หลังจากเริ่มรณรงค์การฉีดมาตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ของชาวกรุงจาการ์ตา จะได้รับวัคซีนซิโนแวคเป็นหลัก มีเพียงบางส่วนเท่านั้น ที่ได้รับวัคซีน แอสตร้าเซนเนก้า และ ซิโนฟาร์ม
อย่างไรก็ตาม นักวิชาการด้านระบาดวิทยาหลายคน ออกมาแสดงความคิดเห็นในทางตรงกันข้าม นายปันดู ริโอโน นักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งอินโดนีเซียระบุว่า รองผู้ว่าการฯ เข้าใจแนวคิดภูมิคุ้มกันหมู่ผิด ด้วยเหตุที่ว่า ระดับประสิทธิภาพของวัคซีนมีเพียง 55 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ทำให้แม้ว่า จะระดมฉีดคนจาการ์ตาครบถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ระดับภูมิคุ้มกันก็ยังจะอยู่ต่ำกว่า 80 เปอร์เซ็นต์อยู่ดี
ด้านนายดิ๊กกี้ บูดิมาน นักระบาดวิทยาอีกรายชี้ว่า ภูมิคุ้มกันหมู่ในกรุงจาการ์ตา เป็นได้แค่ “ความฝัน” เนื่้องจากไม่มีวัคซีนใดที่มีอยู่ในอินโดนีเซียมีประสิทธิภาพ 100 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าจะยังคงสามารถป้องกันไม่ให้ป่วยหนักและเสียชีวิตได้ก็ตาม นอกจากนั้นประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวค ที่ใช้ในอินโดนีเซีย ระดับภูมิคุ้มกันจะยิ่งลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ในช่วงระยะเวลา 6 เดือนอีกด้วย
