‘ปรเมษฐ์’ อธ.ศาลอาญาทุจริตฯภ.1 ขอบคุณ 7ก.ต.เสียงข้างน้อยให้ความเป็นธรรม เเม้ไม่ได้ผ่านเป็น พ.อาวุโส เตรียมใช้สิทธิทางศาลสู้ต่อ

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม นายปรเมษฐ์ โตวิวัฒน์  อธิบดีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ช่วยทำงานผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 1  กล่าวถึงกรณีที่ ก.ต.มีมติเสียงข้างมาก ไม่เห็นชอบ 8 ต่อ 7 (ครั้งเเรกมีมติ 7 ต่อ 7 วาสนา หงส์เจริญ  ปธ.ในที่ประชุมชี้ขาด) ให้ดำรงตำเเหน่งผู้พิพากษาอาวุโสวาระ 1 ต.ค. ว่าขอขอบคุณ ก.ต.7 คน เป็นอย่างสูงที่ให้ความเป็นธรรม ส่วน ก.ต.อีก 7 คน ที่มีส่วนในการพิจารณาแต่งตั้งดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสนั้น ต้องพิจารณาตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส ฉบับที่ 4 พ.ศ.2560 มาตรา 6/1 มาตรา8/1 และมาตรา 9 เพราะการได้รับความเสียหายเช่นนี้ ยากที่จะเยียวยาในภายหลัง โดยจะพิจารณาใช้สิทธิตามกฎหมายและสิทธิทางศาลต่อไป เพราะเมื่อเข้าหลักเกณฑ์ตามกฎหมายดังกล่าวแล้วต้องแต่งตั้ง ให้ข้าราชการตุลาการผู้นั้นเข้าดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส ฉะนั้นในการใช้สิทธิทางศาลฟ้องร้องดำเนินคดี จึงเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 25 และมาตรา 4 คือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์สิทธิเสรีภาพได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย เเละปวงชนชาวไทยได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญอย่างเสมอภาคกัน  การที่ตน ไม่ได้รับการ แต่งตั้งดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสในครั้งนี้ ทั้งที่รับราชการ มาเป็นเวลากว่า 30 ปี ในศาลยุติธรรม ดำรงตำแหน่งต่างๆ มาหลายตำแหน่ง เช่น ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครสวรรค์, เลขานุการศาลอุทธรณ์ภาค 2, ผู้พิพากษา หัวหน้าคณะ ในศาลอาญา, รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลภาษีอากรกลาง, ผู้พิพากษา หัวหน้าคณะ ในศาลอุทธรณ์ คดีชํานัญพิเศษภาษี, ผู้พิพากษา หัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 1, ประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลอุทธรณ์ภาค 3 และอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 เเต่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมาโดยตลอดนั้น เห็นว่าน่าจะมีการเสนอแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับ การดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงในชั้นต้น รวมถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกรณี เสนอพักราชการข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม เเละคำสั่งให้ไปช่วยราชการชั่วคราวโดยข้าราชการตุลาการไม่ยินยอม รวมถึงการพิจารณาดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้พิพากษาตลอดทั้งเป็นแนวบรรทัดฐานและมาตรฐานแก่ผู้พิพากษาในศาลยุติธรรม

นายปรเมษฐ์ระบุต่อว่า ในส่วนคดีหมายเลขคดีดำ อท84/2563  ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ที่มีนายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องกรรมการ ป.ป.ช.และอัยการสูงสุด กระทั่งมาร้องขอโอนคดี  ตนในฐานะอธิบดีเเละผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน มีความเป็นอิสระ ในการพิจารณาพิพากษาคดี ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญเเต่ถูกคำสั่งให้ย้ายไปช่วยราชการ และแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ดำเนินการสอบสวนโดยเร่งรีบเเละด่วนสรุปภายในไม่กี่วัน  และยังแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเสนอสั่งพักราชการเร่งรีบ ด่วนสรุปด้วยความรวดเร็วซึ่งไม่เคยปรากฏเช่นนี้มาก่อน การรับฟังพยานหลักฐานของกรรมการสอบสวนทั้ง 3 คนเป็นการรับฟังพยานหลักฐานเพียงฝ่ายเดียว เร่งด่วนสรุปเพียงไม่กี่วัน โดยนำพยานหลักฐานต่างๆ ที่เป็นผลร้ายมาสรุป  โดยที่ยังไม่ได้ฟังตน ชี้แจงและนำพยานหลักฐานต่างๆ เข้าสืบแก้ในข้อที่เป็นผลร้าย จึงไม่ชอบตามประกาศคณะกรรมการ ตุลาการศาลยุติธรรม ซึ่งหากพบว่าพยานใดให้ถ้อยคำที่เป็นผลร้าย บิดเบือนไม่ตรงตามความเป็นจริง ตนจะดำเนินการตามกฎหมายและใช้สิทธิทางศาลต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมา นายปรเมษฐ์ยื่นฟ้องฟ้องคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในชั้นต้น ในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157  ต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯกลางและฟ้อง น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช.ที่ศาลจังหวัดสระบุรีในฐานความผิดดูหมิ่นผู้พิพากษาในการพิจารณาพิพากษาคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 เเละยังยื่นฟ้องประธานศาลฎีกาสองสำนวน ในฐานความผิด เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีตั้งกรรมการสอบสวนวินัย เเละสั่งย้ายช่วยราชการ ซึ่งสำนวนดังกล่าวศาลยกฟ้องในชั้นตรวจฟ้อง โดยนายปรเมษฐ์ยังใช้สิทธิอุทธรณ์ได้และนังมีสำนวนร่วมลงมติพักราชการโดยมิชอบตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการ มาตรา 45 ที่ระบุว่าในการประชุม ก.ต.ห้ามมิให้กรรมการ ผู้มีส่วนได้เสีย ในเรื่องพิจารณาเข้าร่วมประชุมและลงมติในเรื่องนั้น ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาชั้นตรวจคำฟ้อง

 

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image