ศบค.เผยไทยป่วยโควิด 31 ของโลก ยอดสะสม 1.1 ล้านคน เสียชีวิตทะลุหมื่นราย “กทม.-ปากน้ำ” ยังพุ่งแรง
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกมียอดผู้ติดเชื้อรวม 214,721,447 ราย อาการรุนแรง 113,122 ราย รักษาหายแล้ว 192,049,607 ราย เสียชีวิตรวม 4,475,693 ราย
-“ไทย”ป่วยโควิดทะลุ 1.1 ล้านคน อันดับ 31 ของโลก
ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด สหรัฐอเมริกา จำนวน 39,157,249 ราย อินเดีย จำนวน 32,557,767 ราย บราซิล จำนวน 20,645,537 ราย รัสเซีย จำนวน 6,804,910 ราย ฝรั่งเศส จำนวน 6,673,336 ราย ส่วนประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 31 จำนวน 1,120,869 ราย
– ติดเชื้อยังพุ่ง1.8 หมื่นราย ตายสะสมทะลุหมื่น
สำหรับสถานการณ์ในประเทศ มีติดเชื้อเพิ่ม 18,501 ราย อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล 7,958 ราย พื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ 760 ราย จัดหวัดอื่นๆ รวม 67 จังหวัด 9,632 ราย เรือนจำ/ที่ต้องขัง 139 ราย จากต่างประเทศ 12 ราย
มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,092,006 ราย หายป่วยแล้ว 20,606 ราย หายป่วยสะสม 896,195 ราย รักษาอยู่ 186,934 ราย อยู่ในโรงพยาบาล 25,654 ราย อยู่ในโรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 161,280ราย อาการหนัก 5,174 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 1,090 ราย เสียชีวิต 229 ราย เสียชีวิตสะสม 10,220 ราย
– ทั่วไทยฉีดวัคซีนแล้วกว่า 28 ล้านโดส
ภาพรวมได้รับการฉีดวัคซีนสะสมวันที่ 28 กุมภาพันธ์-25 สิงหาคม อยู่ที่ 28,835,580 โดส แยกเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 21,669,955 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 6,596,785 ราย และเข็มที่3 จำนวน 568,840 ราย
โดยวันที่ 25 สิงหาคมมียอดฉีดเพิ่ม 637,921 โดส แยกเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 438,457 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 191,248 รายและเข็มที่ 3 จำนวน 8,216 ราย
ส่วนผลการตรวจ ATK ทั่วประเทศเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม มีผลเป็นบวก 2,339 ราย
– เปิดรายละเอียดเสียชีวิต 229 ราย
สำหรับยอดผู้เสียชีวิต 229 ราย เป็นชาย 127 ราย หญิง 102 ราย คนไทย 224 ราย จีน 2 ราย เมียนมา ไต้หวัน สิงคโปร์ อย่างละ 1 ราย ค่ากลางอายุ 65 ปี ตั้งแต่ 12-97 ปี โดยทราบผลติดเชื้อและเสียชีวิตใน 10 วัน
โดยเป็นผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 151 ราย มีโรคเรื้อรัง 57 ราย รวมทั้ง 2 กลุ่มนี้อยู่ที่ 91% ไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 21 ราย เด็กอายุ 12 ปี 1 ราย ที่ จ.ชลบุรี ป่วยมะเร็งต่อมไพเนียล ปัจจัยเสี่ยงติดเชื้อในพื้นที่สูงถึง 215 ราย คนรู้จัก 66 ราย ครอบครัว 21 ราย อาศัยพื้นที่เสี่ยง 126 ราย อาชีพเสี่ยง 2 ราย
รายละเอียดผู้เสียชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ 71 ราย มีอายุ 60 ปี จำนวน 53 ราย และอายุมากกว่า 50 ปี 14 ราย
จังหวัดปริมณฑล ได้แก่ สมุทรสาคร 14 ราย ปทุมธานี 16 ราย สมุทรปราการ 14 ราย นครปฐม 5 ราย นนทบุรี 1 ราย มีอายุ 60 ปี จำนวน 28 ราย และอายุ 50-59 ปี 14 ราย
ภาคใต้ ได้แก่ นราธิวาส 6 ราย ปัตตานี 6 ราย ตรัง 3 ราย สงขลา 3 ราย ระนอง 2 ราย ยะลา 1 ราย ชุมพร 1 ราย มีอายุ 60 ปี จำนวน 14 ราย มากกว่า 50 ปี 7 ราย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ สุรินทร์ 4 ราย ชัยภูมิ 3 ราย อุบลราชธานี 3 ราย บุรีรัมย์ 3 ราย ศรีสะเกษ 2 ราย กาฬสินธุ์ 1 ราย นครราชสีมา 1 ราย มหาสารคาม 1 ราย สกลนคร 1 ราย บึงหาฬ 1ราย มีอายุ 60 ปี จำนวน 12 ราย และมากกว่า 50 ปี 6 ราย
ภาคเหนือ ได้แก่ ตาก 4 ราย นครสวรรค์ 4 ราย อุทัยธานี 2 ราย เชียงราย 1 ราย พิจิตร 1 ราย ลำปาง 1 ราย พิษณุโลก 1 ราย มีอายุ 60 ปี 8 ราย และมากกว่า 50 ปี 3 ราย
ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก ได้แก่ ชลบุรี 20 ราย สมุทรสงคราม 5 ราย สระบุรี 5 ราย กาญจนบุรี 5 ราย ระยอง 5 ราย นครนายก 4 ราย ปราจีนบุรี 3 ราย ฉะเชิงเทรา 2 ราย พระนครศรีอยุธยา 2 ราย สระแก้ว 1 ราย เพชรบุรี 1 ราย มีอายุ 60 ปี 31 ราย อายุ 50-59 ปี 9 ราย
– ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ติดเชื้อ 3 ราย
สำหรับผู้ติดเชื้ดเดินทางจากต่างประเทศ 12 ราย ได้แก่ มาเลเซีย 2 ราย ผ่านช่องทางธรรมชาติ, กัมพูชา 4 รายผ่านด่านพรมแดนทางบกและช่องทางธรรมชาติ, เมียนมา 3 ราย ผ่านช่องทางธรรมชาติและด่านพรมแดนทางบก ,ออสเตรีย 1 ราย และสหราชอาณาจักร 2 ราย ในโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
– ต่างจังหวัดพุ่งหมื่นรายแซง “กทม.-ปริมณฑล”
เมื่อดูภาพรวมประเทศการติดเชื้อในประเทศในวันนี้อยู่ต่างจังหวัด 71 จังหวัด ถึง 10,392 ราย คิดเป็น 57% กรุงเทพฯ และปริมณฑล 7,958 ราย คิดเป็น 43%
โดยวันนี้มี 3 จังหวัดที่ยอดติดเชื้อใหม่เกิน 1,000 ราย ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ สมุทรสาคร และมี 1 จังหวัดที่ติดเชื้อไม่ถึง 10 ราย คือ แม่ฮ่องสอนอยู่ที่ 7 ราย ยอดสะสม 262 ราย
– “กทม.-ปากน้ำ” ยังวิกฤต จับตาโคราช-นนท์-ระยอง
สำหรับ 10 จังหวัดติดเชื้อใหม่สูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 4,178 ราย สะสม 259,155 ราย สมุทรปราการ 1,887 ราย สะสม 73,824 ราย สมุทรสาคร 982. ราย สะสม 69,561 ราย ชลบุรี 973 ราย สะสม 58,135 ราย นครราชสีมา 693 ราย สะสม 16,186 ราย นนทบุรี 504 ราย สะสม 41,588 ราย ราชบุรี 493 ราย สะสม 14,815 ราย ระยอง 472 ราย สะสม 15,700 ราย ฉะเชิงเทรา 459 ราย สะสม 21,884 ราย และบุรีรัมย์ 432 ราย สะสม 11,882 ราย
