คาดจีนจำกัดเที่ยวบินสู่ต่างประเทศต่อถึงครึ่งแรกของปีหน้า กระทบการท่องเที่ยวในเอเชีย
รอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 2 กันยายนนี้ว่า มีแนวโน้มที่ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งจีน (ซีเอเอซี) จะจำกัดปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศให้อยู่ในระดับต่ำสุดต่อเนื่องต่อไปอย่างน้อยตลอดทั้งครึ่งแรกของปี 2023 นี้ ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างหนัก เนื่องจากนักท่องเที่ยวจากจีนคือกลุ่มนักท่องเที่ยวสำคัญในภูมิภาคนี้
ซีเอเอซี รายงานเอาไว้ว่า จำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศจากจีนลดลงเหลือเพียงแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศของจีนในปี 2019 เนื่องจากมีเที่ยวบินถูกระงับเพิ่มขึ้นมาก หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ
สายการบินใหญ่ที่สุดของจีน 3 สายการบินซึ่งประกอบด้วย แอร์ไชนา, ไชนา เซาเทิร์น แอร์ไลนส์ และ ไชนา อีสเทิร์น แอร์ไลนส์ เปิดเผยไว้ในรายงานผลประกอบการล่าสุดของบริษัทว่า มาตรการเข้มงวดของซีเอเอซี คาดว่าจะยังคงบังคับใช้ต่อเนื่องไปจนกว่าจะสิ้นสุดครึ่งแรกของปี 2022 เป็นอย่างน้อย เนื่้องจากไม่ต้องการให้เกิดการแพร่ระบาดระหว่างที่จีนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในเดือนกุมภาพันธ์ ศกหน้า
นายพารัส จาอิน หัวหน้าทีมวิจัยของธนาคารเอชเอสบีซี เชื่อว่าผลจากการนี้จะทำให้การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมสายการบินอย่างเต็มที่ คงต้องชะลอออกไปจนถึงปี 2024 ในขณะที่การชะลอการฟื้นตัวของการเดินทางระหว่างประเทศ ทำให้นักวิเคราะห์หันมาปรับลดประมาณการรายได้ของกิจการต่างๆ ลงในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ตัวอย่างเช่น ไชนา เมอร์แชนท์ ซีเคียวริตี ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิของ แอร์ไชนา ในปี 2021, 2022 และ 2023 ลงเหลือ ติดลบ 9,000 ล้านดอลลาร์, 2,700 ล้านดอลลาร์และ 6,700 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ
รายงานข่าวระบุว่า ซีเอเอซี จำกัดเที่ยวบินระหว่างประเทศมาตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2020 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการยับยั้งการแพร่ระบาด โดยใช้มาตรการ “5 หนึ่ง” คือ สายการบินจีนในแผ่นดินใหญ่ สามารถบินได้เพียงสัปดาห์ละ 1 เที่ยว, บนเส้นทางการบิน 1 เส้นทาง, ไปยังประเทศ 1 ประเทศหนึ่งเท่านั้น, ส่วนสายการบินต่างชาติ อนุญาตให้บินได้ 1 เที่ยวบินต่อ 1 สัปดาห์มายังประเทศจีน
