พาณิชย์ชูนโยบายเน้นไทยเป็นศูนย์กลาง CLMVT เชื่อมอาเซียน – ฮ่องกง – จีน ภายใต้ บีอาร์ไอหวังดึงดูดลงทุนช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด
เมื่อวันที่ 2 กันยายน
ดร.สรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้เป็นผู้แทนเข้าร่วมอภิปรายเชิงนโยบายในการประชุม Belt and Road Summit ครั้งท่ี 6 ภายใต้หัวข้อ “การขับเคลื่อนการพัฒนาด้วย การส่งเสริมการค้าระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ” ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564
ดร. สรรเสริญ กล่าวว่า ได้ใช้โอกาสน้ีเน้นย้ำนโยบายของไทยในการเชื่อมโยงไทยผ่านเขตพัฒนา พิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) กับเขตอ่าวกวางตุ้ง–ฮ่องกง–มาเก๊า (Great Bay Area: GBA) และข้อริเริ่ม “สายแถบและเส้นทาง” (Belt and Road Initiative: BRI) ของจีน เนื่องจากไทย เป็นจุดยุทธศาสตร์ของอนุภูมิภาค CLMVT (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย) และอาเซียน การผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานและด้านดิจิทัลเทคโนโลยีตามเส้นทาง BRI จะนาไปสู่การสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกันและดึงดูดนักลงทุนที่มีศักยภาพโดยเฉพาะ ในอุตสาหกรรมเป้าหมายของ EEC อาทิ อุตสาหกรรมดิจิทัล ยานยนต์สมัยใหม่ และการบินและโลจิสติกส์ ทั้งน้ี ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจน้ีมิได้จำกัดอยู่ท่ีไทยเท่านั้น แต่จะขยายตัวครอบคลุมทั้งภูมิภาค โดยเฉพาะ อย่างย่ิง หากเส้นทางรถไฟและโครงข่ายคมนาคมภายใต้ข้อริเร่ิม BRI อาทิ รถไฟความเร็วสูงไทย – ลาว – จีน เสร็จสมบูรณ์ จะช่วยอำนวยความสะดวกและลดต้นทุนในการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ เงินทุน และประชาชน ในภูมิภาคซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคฟื้นตัวจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากนั้น แนวนโยบายที่สนับสนุนการเปิดเสรีการค้าและการลงทุนกับต่างประเทศของจีน จะทำให้นักลงทุนไทยมีโอกาส เข้าไปลงทุนในจีนซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่มากขึ้น
ดร. สรรเสริญ กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญท่ีจะส่งเสริมให้ข้อริเริ่ม BRI ประสบผลสำเร็จมากยิ่งขึ้น คือ การยกระดับการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค โดยเฉพาะการเร่งผลักดันให้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับ ภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) ซึ่งครอบคลุมประชากรกว่าร้อยละ 30 ของประชากรโลก และมีสัดส่วน GDP ถึงร้อยละ 30 ของ GDP โลก มีผลบังคับใช้โดยเร็ว ซึ่งจะช่วยขยายการค้าและการลงทุน และเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานจากการสะสมถิ่นกำเนิดสินค้าในภูมิภาค รวมทั้งสร้างโอกาสให้กับ ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ในการส่งออกสินค้า บริการและการลงทุนในตลาดการค้าขนาดใหญ่
การประชุม Belt and Road Summit เป็นเวทีประจำปีซึ่งจัดโดยรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สำหรับผู้บริหารภาครัฐ นักธุรกิจและนักลงทุนจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและต่างประเทศในการแลกเปลี่ยน ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับโอกาสความร่วมมือทางเศรษฐกิจภายใต้ข้อริเริ่ม BRI ของสาธารณรัฐประชาชนจีน และมีการถ่ายทอดสดไปท่ัวโลก โดยในปีน้ีมีผู้เข้าร่วมการอภิปรายประกอบด้วยเลขาธิการอาเซียน รัฐมนตรีกระทรวงสำคัญด้านเศรษฐกิจและการค้าของประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่บรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์และไทย และรัฐมนตรีกระทรวงการค้าต่างประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์