หุ้นกู้ STARK ครั้งแรก มูลค่ากว่า 2,241 ล้าน ยอดจองล้น ผู้ลงทุนสถาบัน-รายใหญ่สนใจ

นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2564 ซึ่งเป็นการออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งแรกของบริษัท โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 2 ชุด มูลค่ารวม 2,241 ล้านบาท แบ่งเป็น หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุหุ้นกู้ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.50% และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุหุ้นกู้ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.90% กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้

ทั้งนี้ หุ้นกู้ที่ออกและเสนอขายครั้งนี้ ได้การตอบรับทั้งจากผู้ลงทุนสถาบันที่ให้ความสนใจลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัท และผู้ลงทุนรายใหญ่ที่ให้ความสนใจเป็นอย่างดี หลังเปิดให้ผู้ลงทุนจองซื้อระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม-1 กันยายนที่ผ่านมา โดยได้รับความสนใจจองซื้อเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้จากตอนแรกที่จำนวน 1,800 ล้านบาท แสดงให้ถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนที่มองหาการลงทุนในหุ้นกู้ที่ให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัว โดยบริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2564 อยู่ที่ระดับ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” สะท้อนถึงความเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตสายไฟฟ้าในทวีปเอเชีย รวมถึงความมั่นใจในพื้นฐานธุรกิจผลิตสายไฟและสายเคเบิ้ลที่แข็งแกร่งฐานะการเงินและโอกาสเติบโตของบริษัทในอนาคต

สำหรับการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ บริษัทจะใช้ชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันทางการเงินหรือบริษัทในกลุ่ม รวมถึงใช้ชำระคืนตั๋วแลกเงินและหุ้นกู้ของบริษัทในกลุ่ม และ/หรือ เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจของบริษัท

“บริษัทต้องขอขอบคุณผู้ลงทุนทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ และเสียงตอบรับเป็นอย่างดีสำหรับการออกหุ้นกู้เป็นครั้งแรกของ STARK ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความสำเร็จ ตลอดจนความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานธุรกิจผลิตสายไฟและสายเคเบิ้ลที่แข็งแกร่ง เพราะอุตสาหกรรมสายไฟฟ้าและสายเคเบิลถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากความต้องการใช้งานทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น รวมถึงโอกาสในการขยายธุรกิจเพื่อเป้าหมายการเติบโตที่แข็งแกร่งในอนาคต” นายประกรณ์กล่าว

Advertisement

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STARK กล่าวถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2564 บริษัทมีรายได้รวม 5,252 ล้านบาท เติบโต 23.9% เมื่อเทียบจากชช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 524 ล้านบาท เติบโต 22.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลทำให้ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน) ของปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 9,908 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 963 ล้านบาท ถือเป็นการเติบโตทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง ผลจากยอดขายที่ปรับตัวสูงขึ้น จากทั้งโครงการภาครัฐและเอกชนที่ดำเนินการก่อสร้างตามแผนงาน รวมถึงรับรู้ผลประกอบการของธุรกิจที่เวียดนามเข้ามา ปัจจุบัน STARK มีมูลค่างานในมือ (Backlog) ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงที่เหลือของปีนี้

บริษัทวางเป้าหมายรายได้ในช่วงปี 2564-2565 ประมาณ 17,000-18,000 ล้านบาทต่อปี หรือเติบโต 15-20% จากปี 2563 ที่มีรายได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ 16,917 ล้านบาท โดยใช้กลยุทธ์มุ่งเน้นขายสินค้าในกลุ่มที่มีอัตรากำไรสูง (High Margin) โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์สายไฟแรงดันระดับกลางถึงระดับสูงพิเศษเพื่อรองรับงานโครงการของภาครัฐและเอกชน รวมถึงใช้ประโยชน์จากโรงงานในเวียดนามที่เปรียบเชิงการบริการจัดการด้านต้นทุน เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรรวมถึงเดินหน้าปรับลดต้นทุนต่างๆ ในทุกด้าน ซึ่งคาดว่าระดับหนี้สินทางการเงินของบริษัทน่าจะลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นคาดว่าจะลดลงเหลือ 3.5-4 เท่า

พร้อมกันนี้ได้วางเป้าหมายขยายตลาดส่งออกเป็น 50 ประเทศภายในปี 2564 จากปีที่ผ่านมาส่งออก 40 ประเทศ เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ส่งออกเป็น 10-12% จากปีก่อนอยู่ที่ 8%

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image