‘ศักดิ์สยาม’ จี้ ขสมก. ดูแลการเดินทางประชาชนหลังคลายล็อกดาวน์ พร้อมมีมติขยายเวลารถคันสุดท้ายถึง 3 ทุ่ม
นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง เปิดเผยว่า ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 32) คลายล็อกดาวน์ เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมานั้น ส่งผลให้มีประชาชนออกมาใช้บริการขนส่งสาธารณะมากขึ้น และตามแนวทางที่ ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) กำหนดให้จัดบริการขนส่งสาธารณะที่เพียงพอต่อความจำเป็นและตามเวลาที่เหมาะสมในการเดินทางของประชาชน
นายสรพงศ์ กล่าวอีกว่า จากข้อกำหนดดังกล่าวจึงได้จัดการประชุมร่วมกับรักษาการผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ผอ.ขสมก) รอง ผอ.ขสมก ด้านการเดินรถ และผู้อานวยการเขต ทั้ง 8 เขต เพื่อร่วมหารือ รับฟังสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นต่อการให้บริการประชาชน ในวันแรกของการคลายล็อกดาวน์ เมื่อวันที่ 1 กันยายน และหารือเพื่อเพิ่มมาตรการการดูแลการเดินทางประชาชนตามนโยบายของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
นายสรพงศ์ กล่าวอีกว่า โดยได้ข้อสรุปผลการหารือและข้อสั่งการ ดังนี้ 1.มอบหมายให้ ผอ.เขตเดินรถทุกเขต สอดส่อง ตรวจสอบ และสำรวจ สภาพการเดินทางในช่วงเร่งด่วน ห้ามให้มีประชาชนตกค้างการเดินทาง หากพบว่ามีปริมาณการเดินทางมาก ให้เตรียมรถไว้ในจุดใกล้เคียงเพื่อเสริมรถได้ในทันที และมอบหมายให้ สายตรวจ ขสมก. ส่งภาพทุกพื้นที่ตั้งแต่เวลา 18.00-20.00 น. ร่วมกับการใช้ภาพจากกล้อง CCTV กากับการจัดการเดินรถเพิ่มความถี่การให้บริการ จากเดิม 18,000 เที่ยว/วัน เป็น 22,000 เที่ยว/วัน และเพิ่มความถี่การเดินรถในช่วงเวลาเร่งด่วน เพื่อลดความแออัดของผู้โดยสาร
นายสรพงศ์ กล่าวอีกว่า 2.ให้เพิ่มเที่ยวรถจาก 18,000 เที่ยวช่วงล็อกดาวน์ และเมื่อวันที่ 1 กันยายน จำนวน 20,000 เที่ยว ให้เพิ่มอีก 10% เป็นอย่างน้อย หรือประมาณ 22,000 เที่ยว โดยให้เพิ่มขึ้นได้อีกหากมีปริมาณความต้องการเดินทางของประชาชน 3.ให้แจ้งประชาสัมพันธ์การปรับเที่ยวรถ มาตรการแก้ไขปัญหา ให้สื่อมวลชนและประชาชนทราบทันที และทันต่อสถานการณ์ โดยมอบหมายรอง ผอ.ขสมก ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ตรงกับ จส.100 และสื่อมวลชน
นายสรพงศ์ กล่าวอีกว่า 4.ในวันที่ 2 กันยายนนี้ ให้ขยายการให้บริการรถคันสุดท้ายจาก 20.00 น. เป็น 21.00 น. ทั้งสายสั้นสายยาว 5.ให้เน้นมาตรการตามข้อกาหนดฉบับที่ 32 การเว้นระยะห่าง และเพิ่มความสะอาด ตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข
