สนค.ชี้ยอดติดโควิดลดลง ดันความเชื่อมั่นผู้บริโภคส.ค.ขยับขึ้นอีกครั้ง

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.)กระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนสิงหาคม 2564  ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง ประกอบกับภาครัฐมีพิจารณาผ่อนคลายมาตรการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดง) โดยคลายล็อกดาวน์ให้ผู้ประกอบการสามารถเปิดดำเนินการได้ รวมทั้งประชาชนทยอยได้รับวัคซีนเพิ่มมากขึ้นทั่วทั้งประเทศ

นายภูสิต  กล่าวต่อว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนสิงหาคม 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 37.2 เทียบกับระดับ 36.7 ในเดือนก่อนหน้า เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันและในอนาคต โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 29.8  มาอยู่ที่ระดับ 29.9  และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต พบว่า ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 41.3 มาอยู่ที่ระดับ 42.1

หากจำแนกรายภูมิภาค จะพบว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกภูมิภาค โดยเฉพาะภาคใต้ มีสัดส่วนการเพิ่มขึ้นมากที่สุด จากระดับ 36.8 มาอยู่ที่ระดับ 38.9 รองลงมาคือ ภาคเหนือ จากระดับ 34.7 มาอยู่ที่ระดับ 35.9 และภาคกลาง จากระดับ 36.1 มาอยู่ที่ระดับ 36.8  ขณะที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ปรับตัวลดลงจากระดับ 35.8 มาอยู่ที่ระดับ 34.6 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ที่ยังคงมีความรุนแรงและมียอดผู้ติดเชื้อรายวันจำนวนมาก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปรับลดลงจากระดับ 38.7 มาอยู่ที่ระดับ 38.1 เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรสำคัญ ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลิ ข้าวเปลือกเจ้า และข้าวเปลือกเหนียวปรับราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง

เมื่อจำแนกรายอาชีพ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเกือบทุกกลุ่มอาชีพ ยกเว้นกลุ่มเกษตรกร ปรับลดลงจากระดับ 38.1  มาอยู่ที่ระดับ 37.9 เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรที่สำคัญปรับราคาลดลง เช่น ข้าวเปลือก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สุกร ไก่ กุ้ง และผลไม้ (ทุเรียน เงาะ มังคุด) ขณะที่กลุ่มนักศึกษา ปรับเพิ่มขึ้น จากระดับ 33.1 มาอยู่ที่ระดับ 35.5 กลุ่มพนักงานของรัฐ ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 42.8 มาอยู่ที่ระดับ 44.2 กลุ่มรับจ้างอิสระ จากระดับ 34.2 มาอยู่ที่ระดับ 35.5 กลุ่มผู้ประกอบการ จากระดับ 36.3 มาอยู่ที่ระดับ 36.9 กลุ่มพนักงานเอกชน  จากระดับ 35.2 มาอยู่ที่ระดับ 35.4 และกลุ่มไม่ได้ทำงาน/บำนาญ จากระดับ 32.2 มาอยู่ที่ระดับ 32.3

Advertisement

นายภูสิต กล่าวว่า จากการที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งนี้ เป็นผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด– 19 ที่มียอดผู้ติดเชื้อรายวันสูงช่วงต้นเดือน เริ่มลดลงช่วงปลายเดือน ประกอบกับภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดง) โดยจะคลายล็อกดาวน์ให้ผู้ประกอบการร้านเสริมสวย ร้านอาหาร ร้านนวด (เฉพาะนวดเท้า) เป็นต้น สามารถเปิดดำเนินการได้แบบมีเงื่อนไข ส่วนห้าง ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอล สามารถเปิดดำเนินการได้ทุกแผนก ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ซึ่งจากการผ่อนคลายมาตรการ ประกอบกับประชาชนทยอยได้รับวัคซีนเพิ่มมากขึ้นทั่วทั้งประเทศ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นภาวะเศรษฐกิจของผู้ประกอบการและประชาชนเริ่มดีขึ้น ถึงแม้ว่าจะยังคงอยู่ในช่วงที่มีความไม่เชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจก็ตาม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image