ผบช.น.ยันเหตุสามเหลี่ยมดินแดงตามคลิปไม่ใช่ชนแล้วหนี! แจงตร.ทำตามกรอบกม.ไม่ใช่นำกำลังไล่ตีผู้ชุมนุม

ผบช.น.ยันเหตุสามเหลี่ยมดินแดงตามคลิปไม่ใช่ชนแล้วหนี! แจงตร.ทำตามกรอบกม.ไม่ใช่นำกำลังไล่ตีผู้ชุมนุม เผยจับแล้ว 511 รายจาก 756 พร้อมตามจับดำเนินคดีทุกราย

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 กันยายน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ชี้แจงกรณีมีคลิปอ้างว่าตำรวจขับรถควบคุมผู้ต้องขังเชี่ยวชนกลุ่มผู้ชุมนุมว่า จากการตรวจสอบดังกล่าวเป็นตำรวจจริงได้รับคำสั่งนำรถควบคุมผู้ต้องขังไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เมื่อเหตุการณ์ยุติก็ขับไปที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) ตอนเวลา 23.00 น. หลังจากเปิดการจราจรปกติ เมื่อมาถึงสามเหลี่ยมดินแดง ถนนวิภาวดีรังสิต พบกลุ่มบุคคล 6-7 คน ไล่ทุบรถพร้อมทั้งมีเสียงระเบิดเกรงว่าจะได้รับอันตรายจึงขับรถหลบหนีจนกระทั่งเกิดเหตุเฉี่ยวชน คนขับหยุดดูแล้วขับไปต่อนำรถไปจอดที่รพ.พระมงกุฎเกล้า จากนั้นแจ้งต้นสังกัดให้ กองพิสูจน์หลักฐานกลางสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ตรวจสอบสภาพรถลงบันทึกประจำวันและแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีผู้ก่อเหตุข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ และร่วมกันทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ส่วนชนแล้วหนีไม่ช่วยเหลือยืนยันว่าไม่ใช่ มองไม่เห็นถูกรุมทำร้ายทุบตีและเข้ามาขัดขวาง ตำรวจพยายามเบรกแล้วหยุดดู  พร้อมทั้งรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ไม่ใช่ชนแล้วหนีเพราะพยายามตรวจสอบสถานพยาบาลแล้วไม่ได้มีใครเข้ารับการรักษา สาเหตุที่ไม่จอดเนื่องจากจะเกิดอันตราย

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า ส่วนการปฏิบัติหน้าที่เป็นการปฏิบัติตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มีการเผาทำลายทรัพย์สิน เกิดความเสียหาย ก่อเหตุความวุ่นวาย ส่วนเหตุการณ์ที่มีการเข้าพื้นที่แฟลตดินแดง เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าปฏิบัติหน้าที่เนื่องจากมีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้นไม่หยุด และเป็นเหตุให้ตำรวจถูกระเบิดได้รับบาดเจ็บสาหัส ตนจะพูดข้อเท็จจริงเกิดขึ้นจากอะไรให้คนใช้ดุลยพินิจเอา ตำรวจทำในกรอบของกฎหมาย ตำรวจอยู่ที่ตั้งไม่ใช่เอากำลังไล่ตีกลุ่มคนชุมนุม บางครั้งคนก่อเหตุเผาทำลายทรัพย์จึงใช้กำลังเข้าควบคุมอย่างเช่นการเผาทำลายซุ้ม ส่วนมาตรการป้องกันในการระงับเหตุอย่างไร พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า ทุกวันนี้เราได้รับบาดเจ็บ ข้อเท็จจริงตำรวจไม่ได้ใช้อาวุธปืนจริงสักครั้ง แต่เราใช้กระสุนยาง แก๊ส  ส่วนการป้องกันตั้งด่านสกัดนั้น ตำรวจพยายามตรวจค้นรถต้องสงสัย รถจักรยานยนต์เป็นหลัก ตั้งจุดตรวจจุดสกัดการเข้ามาทำร้ายเจ้าหน้าที่ พยายามรักษาความสงบใช้กำลังตามสมควรแก่เหตุตรวจค้นก่อนการชุมนุมดำเนินคดีภายหลังก็ทำ

ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น.โฆษกบช.น. กล่าวว่าในวันที่ 13 ก.ย. จะมีการรวมตัวกันของกลุ่มทะลุแก๊ซที่แยกดินแดงยังไม่ทราบเวลา ขอเตือนว่าการชุมนุมหรือรวมกลุ่มทํากิจกรรมที่มีลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่โรคจะเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ อีกส่วนหนึ่ง บช.น. จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตํารวจเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยแล้ว จากการชุมนุมในวันที่ 12 ก.ย. 1.กลุ่มโมกหลวงริมน้ำเวลา 19.00-19.30 น. ทํากิจกรรมปราศรัยและสาดสีบริเวณ หน้าวัดสระปทุม ฝั่งตรงข้ามสํานักงานตํารวจแห่งชาติ 2.กลุ่มต่อต้านเผด็จการและกลุ่มทะลุแก๊ซ ที่บริเวณแยกดินแดง เริ่มรวมตัวเวลา 17.30 น. นําแผงเหล็กมาปิดการจราจร จุดไฟเผาทรัพย์สินต่างๆ บริเวณทางขึ้นด่วนดินแดงมุ่งหน้าบางนา ใต้ทางด่วน และบริเวณ หน้าสำนักงานปปส. เป็นเหตุให้มีเพลิงไหม้เป็นจํานวนมาก เวลา 19.50 น. เจ้าหน้าที่จึงออกมาควบคุมเพลิง ระหว่างนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมใช้หนังสติ๊ก วัสดุท่ออัดแก็ส ยิงลูกแก้ว ประทัดยักษ์ พลุไฟ ระเบิดต่างๆ บริเวณหน้ากรมดุริยางค์ทหาร และฝั่งถนนมิตรไมตรี เป็นระยะๆ มีการประกาศเตือนให้ยุติการกระทําและออกจากพื้นที่ แต่ไม่ยอมเชื่อฟังก่อความวุ่นวายต่อ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ ลุกลามบานปลาย เวลาประมาณ 22.00 น. เจ้าหน้าที่จึงต้องเข้าบังคับใช้กฎหมายและผลักดัน กลุ่มผู้ชุมนุมให้ออกจากพื้นที่

Advertisement

“มีการจุดไฟเผาบริเวณหน้าสนามไทยญี่ปุ่นดินแดง รถไม่สามารถผ่านได้ และลงมาปิดถนน โรยตะปูเรือใบ บริเวณปากซอยบุญอยู่ ไม่ให้รถผ่านลงอุโมงค์ดินแดง จากการก่อความวุ่นวายของผู้ชุมนุมเป็น เหตุให้มีทรัพย์สินสาธารณะประโยชน์ได้รับความเสียหายจํานวนหนึ่ง ทั้งนี้มีการจับกุม ผู้กระทําความผิดพร้อมของกลาง เป็นอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หนังสติ๊ก และลูกแก้ว จํานวนหนึ่ง ส่งพนักงานสอบสวนดําเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกแล้วไม่ เลิกฯ ครอบครองและพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับ อนุญาตฯ หรือความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และยังตรวจพบของกลางที่ตกในบริเวณรอบ สามเหลี่ยมดินแดง เป็นระเบิดแสวงเครื่อง ระเบิดปิงปอง อีกส่วนหนึ่ง” โฆษกบช.น.กล่าว

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีถูกทำร้ายร่างกายมีผู้เสียหาย 1 ราย นายภวดล ประสิทธิ์ อายุ 20 ปี แจ้งความถูกทำร้ายบริเวณเชิงสะพานพระรามเก้า บาดเจ็บศีรษะแตก แขนขาถูกอาวุธมีดฟัน ทางพนักงานสอบสวนสน.ดินแดงรับเรื่องไว้แล้ว จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดตามกฎหมาย ส่วนกรณียิงเด็ก 14 ปีและอายุ 15 ปี คดีคืบหน้าไปค่อนข้างมากได้คลิปภาพเหตุการณ์ที่เกิดเหตุเบื้องต้นอยู่ระหว่างสืบสวนให้ทราบตัวผู้กระทำผิดให้แน่ชัดเพื่อขอศาลอนุมัติออกหมาย บช.น. จะดําเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิด เพื่อติดตามจับกุมผู้กระทําความผิดดําเนินคดีทุกราย โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ความรุนแรง วางเพลิงเผาทรัพย์ และก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง หากเยาวชนกระทําความผิด ผู้ปกครองอาจจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ ตั้งแต่เดือนก.ค. จนถึงปัจจุบัน จับกุมผู้ก่อเหตุรวมทั้งสิ้น 204 คดี ผู้ต้องหามีทั้งหมด 756 คน ติดตามจับกุมตัวได้แล้ว 511 คน

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image