ศธ.แจงไทม์ไลน์ยิบ ฉีดไฟเซอร์นักเรียน 12-18 ปี จี้ ร.ร.เร่งทำความเข้าใจพ่อแม่

ศธ.แจงไทม์ไลน์ ฉีดไฟเซอร์นักเรียน 12-18 ปี จี้ ร.ร.เร่งทำความเข้าใจพ่อแม่

เมื่อวันที่ 15 กันยายน นายสุภัทร จำปาทอง กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวตอนหนึ่งในการประชุม “ชี้แจง ทำความเข้าใจ การฉีดวัคซีน และการทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง” ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ประธานอาชีวศึกษาจังหวัด (อศจ.) ผู้แทนสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ผู้แทนโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศ และผู้แทนจากกระทรวงต่างๆ ที่ให้บริการทางการศึกษาเข้าร่วม ว่า คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อนุญาตให้วัคซีนไฟเซอร์ฉีดให้กับเยาวชนอายุ 12-17 ปี 11 เดือน 29 วัน หรือ 18 ปีบริบรูณ์ได้ จะครอบคลุมนักเรียน นักศึกษา ในระดับชั้น ม.1-6 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือเทียบเท่า รวมถึง ชั้น ป.6 ที่มีอายุ 12 ปี ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป โดยจะเริ่มฉีดให้แก่นักเรียนนักศึกษา ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จำนวน 29 จังหวัดก่อน พร้อมตั้งเป้าหมายให้นักเรียนนักศึกษาทุกคน ทุกสังกัด จำนวนกว่า 4.5 ล้านคน

“ทั้งนี้ ให้ดำเนินการพร้อมกัน 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยมีรูปแบบการดำเนินงาน ดังนี้ กำหนดให้บริการวัคซีนไฟเซอร์ผ่านสถานศึกษาเป็นหลัก โดยได้ประสานไปยังกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) หากสถานศึกษามีพื้นที่จำกัด ขอให้ให้มหาวิทยาลัยเป็นฐานในการฉีดให้นักเรียนด้วย แผนการฉีดวัคซีน ดังนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และ กทม.จะบริหารจัดการวัคซีนภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือคณะอนุกรรมการการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กทม.ภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร พร้อมกับประสานงาน ศธ., ศธจ.หรือหน่วยงานต้นสังกัดของสถานศึกษาในพื้นที่ เพื่อเตรียมการดำเนินงานให้วัคซีนนักเรียน สำรวจเป้าหมาย จัดทำแผนจัดสรร และกำหนดช่วงเวลาเข้ารับวัคซีน กำหนดสถานบริการฉีดวัคซีนให้กับแต่ละโรงเรียน โดยประสานผู้บริหารโรงเรียนเพื่อนำนักเรียนเข้ารับวัคซีน พร้อมกับกำกับติดตามรายงานผลการให้ให้บริการในระบบ MoPH IC” นายสุภัทร กล่าว

นายสุภัทรกล่าวอีกว่า กรมควบคุมโรค จะทำหน้าที่จัดส่งวัคซีน และอุปกรณ์การฉีดแผนการฉีดวัคซีนที่ได้จากสาธารสุขจังหวัด ส่วน ศธ.จะกำกับติดตามการดำเนินงานให้วัคซีนนักเรียน ตามนโยบายของประเทศ พร้อมกับรวบรวมข้อมูลนักเรียนจากแต่ละสถานศึกษา และแจ้งแก่สำนักงานสาธารสุขจังหวัด ด้านสถานศึกษา มีหน้าที่ชี้แจงผู้ปกครองเพื่อสร้างความเข้าใจก่อนวันรับวัคซีน และจัดส่งคำแนะนำการฉีดวัคซีนและใบยินยอมให้นักเรียนฉีดวัคซีน แจ้งจำนวนนักเรียนที่จะเข้ารับวัคซีนแก่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ผ่านระบบที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำหนดไว้ และสถานพยาบาล มีหน้าที่จัดระบบให้บริการตามมาตรฐาน ได้แก่ ตรวจสอบใบยินยอม คัดกรอง ฉีดวัคซีน นัดหมาย ออกเอกสารรับรอง เฝ้าระวัง และบันทึกผลการให้บริการในระบบ MoPH IC และมีหน้าที่รับ-จ่ายวัคซีน จัดเก็บวัคซีน และรายงานสถานะคงคลัง

“ไทม์ไลน์ในการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้นักเรียนของ ศธ.มีดังนี้ วันที่ 10-17 กันยายน สถานศึกษา จัดเตรียมรายชื่อ และจำนวนนักเรียน ระหว่างนั้น ศธ.และ สธ.จัดประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซักซ้อมความเข้าใจการฉีดวัคซีน และการทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง วันที่ 17-22 กันยายน สถานศึกษาจัดประชุมทำความเข้าใจ ให้ข้อมูลกับผู้ปกครองในการฉีดวัคซีนให้เด็ก วันที่ 2-24 กันยายน สถานศึกษาเชิญผู้ปกครองลงนามแจ้งความประสงค์ (ยินยอม) ให้นักเรียนเข้ารับวัคซีน อย่างไรก็ตาม หาก สธ.จัดทำแบบสำรวจ และใบยินยอมบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับนักเรียน/ นักศึกษา ศธ.จะเร่งเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ เพื่อให้สถานศึกษานำไปให้ผู้ปกครองกรอกต่อไป” นายสุภัทร กล่าว

Advertisement

นายสุภัทรกล่าวต่อว่า โดยวันที่ 25 กันยายน สถานศึกษานำส่งบัญชีรายชื่อนักเรียนที่ประสงค์รับวัคซีนไฟเซอร์แก่ผู้อำนวยการ สพท.หรือ อศจ.แล้วนำส่ง ศธจ. วันที่ 26 กันยายน ศธจ., ผู้อำนวยการ สพท., อศจ., ผู้แทนหน่วยงานการศึกษาในจังหวัดประชุมสรุปจำนวน และรายชื่อนักเรียนเพื่อนำส่งสาธารสุขจังหวัด วันที่ 28-30 กันยายน สาธารสุขจังหวัดวางแผนการรับวัคซีน และกำหนดการฉีดวัคซีนรายโรงเรียน วันที่ 1 ตุลาคม สถานศึกษารับทราบกำหนดการ และจัดเตรียมสถานที่ และวันที่ 4 ตุลาคม เริ่มการฉีดวัคซีนแก่นักเรียน

“ในเดือนกันยายน และตุลาคม จะมีวัคซีนเพียงพอให้เด็กอายุ 12-18 ปี ที่อยู่ในระบบการศึกษา ทั้งใน และนอกสังกัด ศธ.ประมาณ 4.5 ล้านคน ดังนั้น วัคซีนที่ได้รับมาเพียงพอสำหรับการฉีดทั้ง 2 เข็มให้นักเรียน หากเด็กได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 วันช่วงสัปดาห์ที่ 1 ของเดือนตุลาคม จะสามารถฉีดเข็มที่ 2 ในช่วงสิ้นเดือนตุลาคมได้ ซึ่งจะทำให้การเปิดภาคเรียน On-Site ในวันที่ 1 พฤศจิกายน มีความเป็นไปได้มากขึ้นตามลำดับ” นายสุภัทร กล่าว

นายสุภัทรกล่าวต่อว่า นอกจากฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนแล้ว ศธ.ประสานของให้ สธ.เร่งฉีดวัคซีนให้ครูครบทุกคน จากข้อมูลขณะนี้ พบว่า ครูและบุคลากรทางการศึกษา ในสถานศึกษารัฐ และเอกชน ได้รับวัคซีนไปแล้ว 72% เหลือประมาณ 1.7 แสนคน ที่รอฉีดวัคซีนอยู่ โดยน.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการ ศธ.หารือกับกรมควบคุมโรคไปแล้ว โดยขอให้กรมควบคุมโรคจัดสรรการฉีดวัคซีนครูควบคู่กับการฉีดวัคซีนเด็กด้วย

Advertisement

นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ปกครอง ครู และนักเรียน ต้องการให้เปิดเรียน On-Site จึงอยากให้ผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะครูสร้างความเข้าใจให้ผู้ปกครอง เพื่อให้นักเรียนได้รับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด ยิ่งฉีดได้มาก โอกาสที่เด็กจะได้รับความปลอดภัยจะมีมากเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนให้เด็ก ต้องได้รับความสมัครใจจากผู้ปกครองด้วย เชื่อว่าถ้าเด็กรุ่นแรกที่ได้ฉีดวัคซีนเข็ม 1 ในวันที่ 4 ตุลาคม และได้รับเข็ม 2 ช่วงสิ้นเดือนตุลาคม ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเปิดเรียน On-Site ในวันที่ 1 พฤศจิกายนได้ และจะสามารถทยอยเปิดเรียนแบบ On-Site เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

“เมื่อโรงเรียนเป็นฐานในการฉีดวัคซีน และจังหวัดเป็นผู้ออกแบบวางแผน จัดสรรวัคซีน จึงทำให้หน่วยงานระดับจังหวัดมีความสำคัญอย่างมาก ต้องเชื่อมโยงจัดสรรการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด หากจังหวัดไหนทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ จังหวัดนั้นจะควบคุมการระบาดได้ง่าย การเรียน On-Site จะเกิดขึ้นเร็วมากขึ้น ดังนั้น ขอให้ทุกหน่วยงานร่วมมือทำงานผลักดันให้เด็กได้รับวัคซีนมากที่สุด” นายอัมพร กล่าว

นายอัมพรกล่าวต่อว่า ส่วนนักเรียนที่อายุต่ำกว่า 12 ปี จะมีโอกาสได้ฉีดวัคซีนหรือไม่นั้น ขณะนี้ทราบว่ามีการทดลองอยู่ เชื่อว่าในอนาคตเด็กกลุ่มนี้จะได้รับการจัดสรรวัคซีนต่อไป อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้อำนวยการโรงเรียน และผู้อำนวยการ สพท.ติดตามอาการของเด็กหลังจากได้รับการฉีดวัคซีนด้วย

“ส่วนที่มีคำถามว่าถ้าจะเปิดเรียนแบบ On-Site ครู และนักเรียนต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบทุกคนหรือไม่ การฉีดวัคซีนเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น และหากโรงเรียนใดยังไม่ถึงคิวฉีดวัคซีน แต่โรงเรียนเหล่านี้สามารถประเมินตนเองได้ เช่น อยู่ในพื้นที่ไม่มีการระบาด นักเรียนมีความปลอดภัย คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอนุญาตให้เปิดเรียน On-Site ได้” นายอัมพร กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image