หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จัดกำลังพลพร้อมยุทโธปกรณ์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอบ้านหมี่ และอำเภอลำสนธิ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3
เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากผลกระทบจากพายุดีเปรสชั่น “เตี้ยนหมู่” ถึงแม้จะอ่อนกำลังลงแล้วแต่ยังสร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้างในหลายพื้นที่หลายอำเภอของจังหวัดลพบุรี ทั้งในพื้นที่อำเภอบ้านหมี่ และอำเภอลำสนธิ
อย่างที่อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำรับน้ำ ก่อนที่น้ำจะไหลลงสู่ คลองชลประทานชัยนาท-ป่าสัก ทำให้มวลน้ำก้อนใหญ่ที่ไหลมาจากพื้นที่อำเภอสระโบสถ์ และอำเภอโคกสำโรง ไหลมารวมบรรจบกันที่อำเภอบ้านหมี่ ทำให้เกิดน้ำหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนหลายตำบล ถนนในหมู่บ้านถูกตัดขาด รถเล็กไม่สามารถสัญจรเข้าออกหมู่บ้านได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.บ้านกล้วย และ ต.หินปัก
ซึ่งล่าสุด ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษได้จัดกำลังพล “จิตอาสาภัยพิบัติ” จากกองพันปฏิบัติการจิตวิทยา หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จำนวน 30 นาย รถ FTS แบบยกสูง จำนวน 2 คัน ให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย โดยช่วยเหลืออพยพ เคลื่อนย้ายประชาชนซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ไว้ในที่ปลอดภัย และขนย้ายลำเลียงทรัพย์สิน สิ่งของเครื่องใช้ขึ้นสู่ชั้น 2 ของตัวบ้าน เพื่อป้องกันความเสียหายเนื่องจากระดับน้ำยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ทางด้านอำเภอลำสนธิ ระดับน้ำที่เคยท่วมสูงและวิกฤตหนักก่อนหน้านี้ เนื่องจากระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำกุดตาเพชรเกินความจุ ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนสร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้างนั้น ล่าสุด ระดับน้ำได้ลดลงบ้างแล้ว ถนนสายหลักเริ่มกลับมาใช้การได้ แต่ในพื้นที่ลุ่มต่ำในบางตำบลยังคงมีระดับน้ำท่วมสูงอยู่ ซึ่งกองพลรบพิเศษที่ 1 ค่ายวชิราลงกรณ์ พลร่มป่าหวาย จังหวัดลพบุรี ยังคงดำรงความช่วยเหลือ แก่ประชาชนต่อเนื่องเป็นวันที่ 3
โดยจัดกำลังพล 60 นาย จากกองพันรบพิเศษที่ 1 พร้อมด้วยรถบรรทุก FTS แบบยกสูง จำนวน 5 คัน รถยนต์บรรทุก 6 ล้อ 1 คัน เรือยางพร้อมเครื่อง จำนวน 4 ลำ รถครัวสนามเคลื่อนที่ จำนวน 1 คัน และรถยนต์บรรทุก ขนาด 4×4 จำนวน 4 คัน คอยให้การช่วยเหลือรับส่งประชาชนเข้าออกหมู่บ้าน และอำนวยความสะดวกการเดินทางให้เจ้าหน้าที่ในการเข้าให้การช่วยเหลือประชาชน รวมถึงสนับสนุนการปฏิบัติงานในด้านต่างๆ ให้กับส่วนราชการ ทั้งการลำเลียงอาหาร น้ำดื่ม ยาสามัญประจำบ้าน ไปส่งต่อให้กับผู้ประสบภัยตามหมู่บ้านจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
