เมื่อวันที่ 28 กันยายน พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รองผบช.น.) พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผู้บังคับการกองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ (ผบก.สปพ. บช.น. พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ บก.สปพ., พ.ต.ท.อัครพล โทยะ, พ.ต.ท.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ พ.ต.ท.คงศักดิ์ ศรีโหร พ.ต.ท.สุทธิเดช โอฬาริ รอง ผกก.สายตรวจ บก.สปพ.และ พ.ต.ท.อัษฎาวุธ ขวัญเมือง สว.งานสายตรวจ 3 กก.สายตรวจ บก.สปพ. ร่วมกันแถลงผลการตรวจค้นแหล่งผลิตอาวุธปืนเถื่อน ภายในบ้านเลขที่ 29/4 ซ.พุทธมณฑลสาย 2 ซอย 7 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร พบของกลางกระสุนปืน 141 นัด ลำกล้องปืน 60 อัน ชุดเข็มแทงฉนวน 1 ชุด โม่ปืน 47 อัน อาวุธปืน 18 กระบอก สมุดธนาคารระบุชื่อ น.ส.มะลิวัลย์ จันทร์ชะนะ และอื่นๆรวม 16 รายการ จึงควบคุมตัว นายอาทิตย์ นันวิสุ อายุ 24 ปี และน.ส.มะลิวัลย์ จันทร์ชะนะ อายุ 20 ปี โดยแจ้งข้อกล่าวหา“ร่วมกันผลิตอาวุธปืน (ไทยประดิษฐ์) เพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต (พรบ.อาวุธปืน มาตรา 24) , ร่วมกันมีอาวุธปืน,อุปกรณ์ส่วนควบอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันมีอาวุธปืน(ไทยประดิษฐ์) ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
พล.ต.ต.สมบูรณ์ กล่าวว่า บก.สปพ. รับคำสั่งให้ออกตรวจตรา ป้องกันและปราบปรามแหล่งผลิตอาวุธผิดกฎหมายต่างๆในพื้นที่รับผิดชอบ กระทั่งสืบทราบว่ามีกลุ่มผู้ต้องหาได้ลักลอบผลิตอาวุธปืน,ลำกล้องปืน,และชิ้นส่วนประกอบอาวุธปืนต่างๆที่ผิดกฎหมายจำนวนมาก โดยกลุ่มผู้ต้องหาใช้บริษัทเอกชนรายหนึ่งในการเป็นแหล่งประกาศขายสินค้าให้แก่ลูกค้าซึ่งบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้อย่างแพร่หลาย จึงรายงานให้ พล.ต.ต.สำราญ ทราบและให้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมา พ.ต.ท.อัษฎาวุธ นำกำลังลงพื้นที่ไปตรวจสอบทราบว่าแหล่งผลิตอาวุธปืนตั้งอยู่บ้านเลขที่ดังกล่าว พบอาวุธปืนและชิ้นส่วนประกอบอาวุธปืนต่างๆที่ผิดกฎหมายจำนวนมาก โดยจากการสอบถามผู้ต้องหารับว่าผลิตอาวุธปืนและชิ้นส่วนต่างๆของอาวุธปืนเพื่อจำหน่ายให้แก่บุคคลทั่วไปโดยการประกาศขายผ่านระบบออนไลน์ของบริษัทเอกชนรายใหญ่ รวมถึงใช้บริการบริษัทขนส่งเอกชนรายใหญ่ในการส่งอาวุธปืน,ลำกล้องปืน,และชิ้นส่วนประกอบอาวุธปืนต่างๆที่ผิดกฎหมายให้แก่ลูกค้า
พล.ต.ต.สมบูรณ์ กล่าวว่าทั้งจากการตรวจสอบยังพบว่าผู้ต้องหาเปิดเพจเฟซบุ๊กโดยใช้ชื่อว่า “อาเฉา สำรอง” ในการแสดงสินค้าของตน ซึ่งมียอดผู้เข้าชมประมาณสองล้านครั้งพร้อมมีผู้ติดตามห้าหมื่นคน เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหานำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนต่อไป
