สินิตย์ ลุยต่อเกษตรผลิตพาณิชย์ตลาด เพิ่มยอดขาย-ระบายสินค้าเกษตร

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับภาคการเกษตรเป็นอย่างมาก โดยกำหนดเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลก ภายใต้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต และทำงานร่วมกันของภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกร ล่าสุด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ในฐานะประธานร่วมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการสร้างแพลตฟอร์มกลาง “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด”เพื่อกระตุ้นการจำหน่ายสินค้าเกษตร บนสองแพลตฟอร์มคุณภาพ สำหรับผู้ซื้อจากต่างประเทศบน Thaitrade.com ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และผู้ซื้อภายในประแทศบน Phenixbox.com ของบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ที่รวบรวมสินค้าเกษตรจากสหกรณ์การเกษตรระดับพรีเมียมมาจำหน่ายในรูปแบบค้าส่งออนไลน์ สำหรับผู้ซื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจในรูปแบบออนไลน์นำผู้ขายอย่างสหกรณ์การเกษตรมาพบกับผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศ สร้างยอดขายภายในหนึ่งปีแล้ว 83 ล้านบาท

นายสินิตย์ กล่าวต่อว่า สินค้าเกษตร มี 2 ความท้าทายคือ 1. เน่าเสียง่ายและ 2. ปัญหาล้นตลาด เกษตรกรจึงต้องการจำหน่ายสินค้าเกษตรในรูปแบบบิ๊กล็อต เพื่อช่วยลดปัญหา ดังนั้นแพลตฟอร์มกลางเกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด จึงเป็นการขยายช่องทางการค้าสินค้าเกษตรให้เข้าถึงผู้ซื้อรายใหญ่ได้ง่ายยิ่งขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ระยะนำร่องของโครงการมีการผลักดันให้สหกรณ์การเกษตรนำสินค้าขึ้นจำหน่ายบนทั้งสองแพลตฟอร์ม โดยจัดออนไลน์เวิร์กชอปสอนการจำหน่ายสินค้าให้กับพี่น้องสหกรณ์การเกษตรอย่างใกล้ชิด ภายหลังจากการเวิร์กชอปทำให้มีสินค้าสหกรณ์คุณภาพจำหน่ายบน Thaitrade.com รวม 45 รายการ จาก 9 สหกรณ์การเกษตร สินค้าได้แก่ ข้าว นมและผลิตภัณฑ์จากนม และโคเนื้อ ด้านแพลตฟอร์ม Phenixbox.com

สำหรับจำหน่ายภายในประเทศ สหกรณ์การเกษตร 19 สหกรณ์ นำสินค้าขึ้นจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม 39 รายการ ได้แก่ ข้าว นม ไข่ไก่ ผลไม้ และปุ๋ยชีวภาพ พร้อมจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์กับผู้ซื้อรายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ โดยกลุ่มผู้ซื้อจากต่างประเทศร่วมมือกับทูตพาณิชย์หรือเซลแมนประเทศเชื่อมโยงไปยังผู้ซื้อที่สนใจสินค้าของสหกรณ์การเกษตรบนแพลตฟอร์ม Thaitrade.com และจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจออนไลน์ระหว่างสหกรณ์การเกษตรและผู้ซื้อจากต่างประเทศ ซึ่งมีผู้ซื้อที่สนใจเข้าเจรจาธุรกิจกับสหกรณ์การเกษตร 22 บริษัท จาก 9 ประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ลาว พม่า และไต้หวัน รวม 59 คู่เจรจา คาดมูลค่าการซื้อขาย 1 ปี 2,410,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 79,460,000 บาท สินค้าที่ได้รับความสนใจสูงสุด ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ข้าวขาว ข้าวอินทรีย์ นมอัดเม็ด ผลิตภัณฑ์นม และผลิตภัณฑ์เนื้อวัวแปรรูป โดยประเทศอินเดีย ซึ่งการจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจออนไลน์ระหว่างสหกรณ์การเกษตรและผู้ซื้อกลุ่มโรงแรมระดับห้า – หกดาวเครือบริษัท AWC 13 โรงแรม มูลค่าการซื้อขายเบื้องต้น 3 ล้านบาท และคาดว่าความต้องการเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่ภาวะปกติ ในระยะถัดไปกระทรวงพาณิชย์จะต่อยอดไปยังกลุ่มสินค้าเกษตรอื่น เช่น สินค้าปศุสัตว์ สินค้าประมง และสินค้าวิสาหกิจชุมชน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image