กรมชลประทานใช้ระบบชลประทานฝั่งตะวันออกเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำบางปะกง และทะเลอ่าวไทย ลดปริมาณน้ำหลากในแม่น้ำเจ้าพระยา
ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (30 ก.ย.64) ที่สถานีวัดน้ำ C.2 จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ในเกณฑ์ 2,683 ลบ.ม./วินาที และมีปริมาณน้ำหลากจากแม่น้ำสะแกกรังไหลผ่านสถานีวัดน้ำ Ct.19 จังหวัดอุทัยธานี ในอัตรา 393 ลบ.ม./วินาที กรมชลประทานได้บริหารจัดการน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ด้วยการตัดยอดน้ำเข้าระบบคลองชลประทานทั้งสองฝั่งรวม 348 ลบ.ม./วินาที ทำให้ปัจจุบันมีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ในเกณฑ์ 2,775 ลบ.ม./วินาที ประกอบกับช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ อ.ลำสนธิ และ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อย่างรวดเร็วจนเกือบเต็มความจุอ่าง จึงจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในอัตรา 1,200 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (C.29A) อยู่ในอัตราประมาณ 2,873 ลบ.ม./วินาที ทำให้ระดับน้ำตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาและเขื่อนป่าสักเพิ่มขึ้นเล็กน้อย กรมชลประทานได้ทำการแจ้งเตือนไปยังพื้นที่ได้รับผลกระทบบริเวณท้ายอ่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดปริมาณน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยา กรมชลประทานได้ทำการตัดยอดน้ำเข้าพื้นที่ลุ่มต่ำเจ้าพระยา 2 ฝั่งแล้วกว่า 133 ล้าน ลบ.ม. พร้อมวางแผนผันน้ำจากแม่น้ำป่าสักส่วนหนึ่งลงคลองระพีพัฒน์ลงสู่แม่น้ำนครนายกและแม่น้ำบางปะกง ก่อนระบายลงสู่อ่าวไทยตามลำดับ อีกส่วนหนึ่งจะรับน้ำผ่านคลอง 13 คลองพระองค์ไชยานุชิต จากนั้นจะใช้สถานีสูบน้ำแนวคลองชายทะเลเร่งสูบน้ำลงอ่าวไทยต่อไป