หย่าศึก! ชาวบ้านโคราช 5 ตำบล ขอเปิดคันดินระบายน้ำลำบริบูรณ์ท่วมขังกว่า 500 ไร่
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ที่บริเวณริมคลองส่งน้ำชลประทานสายใหญ่ฝั่งขวา ประตูระบายน้ำ (ปตร.) ศาลาโพธิ์เตี้ย บ้านตะคองเก่า หมู่ที่ 2 ต.ปรุใหญ่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายณรงชนนฐ์ ดีปู่ ปลัดอาวุโส ในฐานะรักษาการนายอำเภอเมือง พร้อมนายนพดล เทพรัตน์ หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 4 โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง สำนักงานชลประทานที่ 8 นครราชสีมา เดินทางมาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างชาวบ้านในพื้นที่ลำบริบูรณ์ตอนบนกับตอนล่าง โดยมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและผู้นำชุมชนรวมทั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำสหกรณ์โพธิ์เตี้ยจำนวนกว่า 100 คน ได้มารอพบผู้แทนภาครัฐและได้แสดงความคิดเห็นต่างและมีท่าทีความขัดแย้งบานปลายขึ้นเรื่อยๆ
นายณรงชนนฐ์ ปลัดอาวุโส เปิดเผยว่า ผลกระทบจากพายุ “เตี้ยนหมู่” ทำให้ปริมาณน้ำในลำบริบูรณ์ได้เอ่อล้นตลิ่งไหลทะลักท่วมพื้นที่เกษตรกว่า 500 ไร่ ของชาว ต.ปรุใหญ่ เป็นเวลากว่า 4 วัน มวลน้ำไม่สามารถระบายได้สะดวก เนื่องจากมีคันดินของชาว ต.หนองจะบก ได้สร้างเป็นแนวกั้นป้องกันไม่ให้น้ำไหลทะลักลงคลองชลประทาน เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบร้องขอให้เปิดคันดินเป็นช่องทางระบายน้ำ
ขณะนี้ลำบริบูรณ์ตอนล่างมีปริมาณน้ำเต็มคลองและเอ่อล้นตลิ่งในที่ลุ่มต่ำ ทั้งนี้การเปิดคันดินให้มวลน้ำไหลคลองชลประทานจะทำให้พื้นที่กว่า 3,000 ไร่ ตลอดระยะทาง 11 กิโลเมตร ผ่านพื้นที่ 5 ตำบล ประกอบด้วย ต.ปรุใหญ่ ต.หนองจะบก ต.หนองกระทุ่ม ต.หมื่นไวย และ ต.จอหอ อ.เมือง ได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่งไหลเข้าบ้านและท่วมพื้นที่เกษตรกรรมทั้งนาข้าวที่กำลังตั้งท้อง แปลงผักสวนครัวและพืชไร่ ขณะนี้ระดับน้ำได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ข้อยุติปัญหาได้ร้องขอความเห็นใจและได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยไม่เปิดคันดินอย่างแน่นอนและจะมีการประเมินสถานการณ์น้ำจนสิ้นสุดฤดูฝน จากนั้นจะเสนอให้จัดสรรงบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรม ปรากฏต่างฝ่ายเห็นด้วยและแยกย้ายเดินทางกลับ
