MTC ขึ้นทำเนียบ ‘หุ้นยั่งยืน’ 3 ปีซ้อน ตอกย้ำธุรกิจยั่งยืน ลุยธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถหนุนผลงานโต 30% ต่อเนื่อง

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ได้ประกาศรายชื่อหุ้นยั่งยืน หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2564 โดย MTC เป็น 1 ใน 146 บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้ และ MTC ได้รับการคัดเลือกเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน (ปี 2562-2564) ในกลุ่มธุรกิจการเงิน (Financial) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า แนวทางในการดำเนินงานมีการบริหารจัดการที่ดี มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างสมดุลทั้งในแง่ของการเติบโตที่คำนึงถึงประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียอย่างครอบคลุมทั้งด้านสังคม และสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้รายชื่อ “หุ้นยั่งยืน” ทั้งหมดที่ผ่านการคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2564 บริษัทจดทะเบียนที่ติดอยู่ในกลุ่มดังกล่าวมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม 12.48 ล้านล้านบาท ณ 30 กันยายน 2564 หรือคิดเป็น 66% เมื่อเทียบกับมูลค่าหลักทรัพย์ตามตลาดของ SET และ mai ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของการลงทุนอย่างยั่งยืน (Responsible Investment) ได้เป็นอย่างดี

“บริษัทยังคงมุ่งเดินหน้าดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึง สิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล (Environmental, Social & Governance: ESG) ต่อไป และการได้รับคัดเลือกในครั้งนี้ นอกจากสะท้อนความตั้งใจของเราแล้ว ยังเป็นกำลังใจให้กับพนักงาน MTC ในการปรับการทำงานบางอย่างเพื่อช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น รวมถึงเพิ่มการตอบแทนกลับคืนสู่สังคมในรูปแบบของการลงทุนกับชุมชน โดยจับมือกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ถ่ายทอดองค์ความรู้และนวัตกรรมการเลี้ยงผึ้งให้กับชุมชน และการปฏิบัติงานทั้งหมดภายใต้หลักบรรษัทภิบาล ซึ่งบริษัทยังได้รับคะแนนประเมิน CG ในระดับดีเลิศ จาก CAC ทั้งหมดนี้ เพื่อตอบสนองวิสัยทัศน์ของปี 2564 ที่ว่าปีแห่งการเคลื่อนสู่ธุรกิจแห่งความยั่งยืน ที่สำคัญคือ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนที่พิจารณาลงทุนตามแนวคิดการลงทุนที่นำปัจจัยด้าน ESG มาเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจลงทุน ควบคู่กับข้อมูลผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ก็ขอให้มั่นใจได้ว่าบริษัทให้ความสำคัญกับการสร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องในระยะยาวแน่นอน”

รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวอีกว่า การดำเนินธุรกิจในโค้งสุดท้ายของปีนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตที่ 30% หลังจากยอดลูกหนี้คงค้าง 8 เดือนที่เติบโตกว่า 26% ซึ่งเป็นการเติบโตด้วยสัดส่วนเท่าๆ กันในทุกประเภทสินเชื่อ โดยปัจจัยหนุนที่สำคัญได้แก่ 1.ดัชนีรายได้เกษตรกรที่เพิ่มมากขึ้น, 2.แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง และ 3. ความต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อประกอบอาชีพ โดยปี 2565 บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 30% เช่นกัน จากการขยายสาขาอีกไม่น้อยกว่า 700 สาขาต่อปี ตั้งเป้าหมายมีสาขามากกว่า 7,000 สาขาภายใน 3 ปี

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image