เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปราบการแข่งรถในทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปข.ตร.) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากได้ปรากฏคลิปวิดีโอขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างยกล้อตั้งแต่ ถนนนครอินทร์ มุ่งหน้าวงเวียนพระราม 5 ขาออก ถนนกาญจนาภิเษก จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกออน ไลน์เป็นอย่างมาก ศปข.ตร. ประสานไปยัง พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี และ พ.ต.อ.ศิวัช ศรีวิชัย ผกก.สภ.บางกรวย เพื่อตรวจสอบพบว่ามีรถจักรยานยนต์พ่วงข้างยกล้อตั้งแต่ ถนนนครอินทร์ มุ่งหน้าวงเวียนพระราม 5 ขาออก ถนนกาญจนาภิเษก อีกทั้งยังไม่สวมหมวกนิรภัย ขับขี่อยู่บนถนนทางสาธารณะในขณะที่มีรถคันอื่นๆ ใช้ถนนจำนวนมาก ถือเป็นการขับรถโดยประมาท และน่าหวาดเสียว ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของบุคคลอื่น โดยคลิปดังกล่าวถ่ายไว้เมื่อช่วงกลางคืนวันที่ 8 ตุลาคม 64 เวลา 08.52 น. ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางกรวย สืบสวนจนสามารถนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย คือ นายประพันธ์ หรือหนึ่ง สงวนนามสกุล ชาว จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สีแดง-น้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บขธ 518 กรุงเทพฯ และได้ดำเนินคดี 4 ข้อหา คือ ไม่มีเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปีและไม่จัดทำ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ, ดัดแปลงสภาพรถโดยไม่ได้รับอนุญาต และขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่น
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้ย้ำตลอดว่าให้ตำรวจช่วยแก้ปัญหาเด็กแว้นให้ได้ ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีนโยบายกำชับในเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้พบว่า สถิติการรับแจ้งเหตุและเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเด็กแว้นลดลงเรื่อยๆ จึงอยากฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ให้ตระหนักถึงการรวมตัวมั่วสุมออกมาแข่งรถทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อาจมีความผิดตามกฎหมายหลายข้อหา และการใช้รถที่มีค่ามลพิษเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ควันดำ หรือเสียงดัง ศาลสามารถสั่งริบรถของกลางที่ใช้ในการกระทำผิดได้ หากพบเบาะแสการแข่งรถในทางหรือความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง สามารถแจ้งมายัง ศปข.ตร. ที่สายด่วน 1599 หรือ 191 หรือสามารถส่งคลิปวิดีโอหลักฐานมาทาง เพจเฟซบุ๊ก “ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร.” ได้ตลอด 24 ชม. โดยจะมีเงินรางวัล 3,000 บาท ให้กับผู้แจ้งในกรณีที่มีการจับกุมได้
